6 สิ่งที่ HR มืออาชีพต้องทำ และการวางแผนงานเพื่อสร้างความรักความผูกพันในองค์กร

เผลอแป๊บเดียวตอนนี้เข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 กันแล้วนะครับ

ตลอดเวลาที่ทำงานกันมาเป็นอย่างไรกันบ้างครับ งานที่ทำสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ไหม

ตรงตามแผนที่วางแบบเป๊ะ ๆ ไหม หากสำเร็จขอยกนิ้วกด Like งามให้เลยครับ

แต่หากไม่สำเร็จไม่ต้องเสียใจล่ะครับ เราเริ่มต้นปรับปรุงแก้ไขงานใหม่ได้เสมอครับ

แต่ต้องระวังอย่าผิดพลาดในเรื่องเดิม ๆ นะครับ เราควรเสนอแนวทางปรับปรุงแก้ไขในเรื่องใหม่ ๆ

โดยย้อนมองอดีตที่ผิดพลาดไปว่าเราพลาดตรงไหน ก็ควรแก้ไขในจุดนั้น ๆ ครับ

ซึ่งการทำงานกับคนนั้น HR ที่ดีควรปฏิบัติ ดังต่อไปนี้

1.ทักษะการสื่อสารประสานงาน

ทักษะด้านการสื่อสาร และการประสานงาน (Communication and Coordinator skill)

ถือเป็นหนึ่งในทักษะแรกที่สำคัญที่สุดก็ว่าได้ครับ ดังนั้น HR ที่ดีต้องฝึกให้มีความคล่องตัว

และใช้หลัก ฟัง คิด ถาม จด 
           

ฟัง ตั้งใจรับฟังในสิ่งที่ผู้อื่นพูด
คิด คิดตามในสิ่งที่คนอื่นพูดเพื่อวิเคราะห์ความน่าจะเป็น
ถาม ถามข้อสงสัยในสิ่งที่ยังไม่รู้แน่ชัด
จด จดเพื่อจำในสิ่งที่ดีมีประโยชน์ การจดจะช่วยทำให้เกิดทักษะการจำติดตัวได้ง่าย

เห็นไหมครับทักษะการสื่อสารถือว่ามีความสำคัญมากๆ ในการทำงานทุกๆ ตำแหน่งเลยก็ว่าได้

และยิ่งเราต้องคอยประสานงานหรือติดต่อกับผู้อื่นเป็นงานหลักแล้ว

ทักษะการสื่อสารยิ่งเป็นสิ่งจำเป็นเข้าไปใหญ่ เพราะถ้าวันนี้เรายังไม่สามารถสื่อสารให้คนรู้เรื่องได้

ผลเสียย่อมตามมาเป็นหางว่าวแน่นอนครับ

2.ทักษะมนุษย์สัมพันธ์

เมื่อเราต้องติดต่อกับผู้อื่นบ่อยครั้งแล้ว สิ่งสำคัญต่อมาคือ ทักษะมนุษย์สัมพันธ์ (Service Mind)

HR  ที่ดีจะต้องเป็นคนยิ้มเก่ง และยิ้มเก่งไม่พอจะต้องเป็นคนที่ยิ้มง่าย หมายความว่า

จะต้องยิ้มได้ทุกสถานการณ์ถึงแม้ภายในเราจะทุกข์แค่ไหนก็ตาม

ภายนอกเราจะต้องสร้างพลังของการยิ้ม เพื่อสร้างมิตรภาพที่ดีกับคนรอบข้าง

มองคนรับข้างเปรียบเสมือน “ลูกค้า” ที่ต้องคอยให้บริการช่วยเหลือเมื่อผู้อื่นเดือดร้อน

ทั้งเพื่อนพนักงาน หัวหน้างาน หรือคนอื่นๆ และสร้างความประทับใจต่อผู้พบเห็น  

สิ่งสำคัญ “จงเป็นผู้ให้ก่อนที่จะเป็นผู้รับ”

หมายถึง ต้องเป็นคนมีน้ำใจ ช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อพบเห็น  ไม่หวังผลตอบแทน ทำด้วยใจ ครับ

นอกจากนี้รอยยิ้มยังสามารถทำให้คนที่ยิ้มและคนที่ได้รับรอยยิ้มรู้สึกดีและสบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย

รอยยิ้มยังแสดงถึงความอ่อนโยน ความยินดีที่จะช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ

นอกจากนี้รอยยิ้มแสดงถึงการให้อภัย และแสดงถึงการขอบคุณ ลองคิดดูสิครับถ้าเราเป็นเสือยิ้มยาก

การทำงานก็คงไม่ราบรื่น ใคร ๆ ก็คงไม่อยากพุดคุยกับเราด้วยจริงไหมครับ  

ชีวิตคนเรามีแต่เรื่องวุ่นวายกันอยู่แล้ว ต่อให้ HR เจอปัญหาที่ยุ่งยากสักแค่ไหนถ้าเรายิ้มสู้เข้าไว้

เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เราสร้างขึ้นและการทำงานก็จะราบรื่น พร้อมกับความสุขในการทำงาน ครับ

 

3.รักการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

HR ที่ดีต้อง “เปรียบตัวเองเสมือนน้ำไม่เต็มแก้ว” คือ ต้องหมั่น ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่สม่ำเสมอ

หมั่นเติมความรู้ให้กับตัวเองอย่างไม่มีวันสิ้นสุด เพราะในโลกนี้ความรู้ยังคงเติบโต

เพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ ไม่เคยหยุดนิ่ง  ยิ่งปัจจุบันเป็นโลกแห่งการสื่อสารไร้พรมแดน 

ทุกวันนี้เราอยากรู้อะไรก็สามารถสอบถามได้ที่ คุณ  Google หรือหนังสือความรู้ในงาน

รวมถึงความรู้ทั่วไปๆ ที่อยู่รายรอบตัวเรา แค่เรารู้จักขวนขวายและหามุมมองใหม่ ๆ

เพื่อพัฒนาตนเองให้เป็น HR มืออาชีพที่รอบรู้ในการทำงานครับ

 

4.มีทักษะการวางแผนงาน

HR ที่ดีต้องมีทักษะการวางแผนงาน (Planing) เพราะ HR นั้นต้องเป็นคนคิดและวางแผนงานอยู่ตลอดเวลา

จะต้องรู้จักวางแผนงานในการทำงานให้สามารถเดินตามแผนงานที่วางไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หาก HR ไม่มีทักษะการวางแผนที่ดี การทำงานก็คงไม่ราบรื่น เกิดปัญหาต้องมานั่งเสียเวลาไปกับการแก้ไข

แทนที่จะนำเวลาไปพัฒนาบุคลากร  การวางแผนการทำงานนั้น HR ควรทำตั้งแต่เนิ่น ๆ 

ซึ่งจากประสบการณ์ทำงาน HR ของผมนั้นผมชอบวางแผนช่วงปลายปี ว่า

ปีหน้าเราจะทำอะไรในงานที่เรารับผิดชอบ ซึ่งหากเรารีบวางแผน

และรีบขออนุมัติแผนให้เสร็จก่อนปีใหม่ได้จะดีมาก ๆ

เพราะพอเปิดงานมาหลังปีใหม่เราสามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้ได้เลย

“การวางแผนที่ดีไม่การันตีความสำเร็จ แต่การวางแผนที่ดีสามารถลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้”

 

5.ทักษะด้านคอมพิวเตอร์

หัวข้อนี้แม้ฟังดูแล้วจะเป็นหัวข้อเล็กๆ แต่การทำงานในปัจจุบัน 

เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญ

ตอนนี้องค์กรไหนๆ ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กต่างก็ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานแทบจะทุกที่ทุกแผนก

HR จะต้องศึกษาโปรแกรมการใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรม MicrosoftOffice เช่น Word, Excel, Power-Point

ซึ่งถือเป็นโปรแกรมพื้นฐานที่จะต้องสามารถใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์งานด้วย Word

การนำเสนองานการสอนงานด้วย Power-Point หรือการจัดทำวิเคราะห์ข้อมูลตัวเลขต่าง ๆ ด้วย Excel

แต่โปรแกรมต่าง ๆ HR  จะต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มอยู่เสมอ

อย่าลืมว่า เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา วันนี้ใช้โปรแกรม Microsoft Office 2017

ปีถัดไปอาจจะต้องปรับเวอร์ชั่นเป็น 2018 ก็ได้ ฉะนั้น HR จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างสม่ำเสมอ

และถ้าเป็นไปได้ HR ที่ถนัดโปรแกรมเสริมอื่นๆ เช่น Photoshop, Movie Maker และสื่อมัลติมีเดียอื่นๆ

ย่อมได้เปรียบ เพราะ HR ในปัจจุบันบางครั้งจะต้องมีการ ตกแต่งภาพ หรือทำรูปติดบอร์ด

หรือการทำสื่อต่างๆ ยิ่ง HR มีความรู้ในการใช้คอมพิวเตอร์มากเท่าไหร่

ยิ่งสามารถนำความรู้นั้นมาใช้ทั้งในการวางแผนงานของตนเอง รวมถึงใช้ในจัดทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ครับ

6.ต้องเป็นนักแก้ไขปัญหา

จริงๆ แล้วคุณสมบัตินี้เรียกได้ว่าจำเป็นกับทุกตำแหน่งงานครับ

เพราะไม่ว่าตำแหน่งไหน ต่างก็ต้องพบเจอปัญหาในแต่ละวันไม่มากก็น้อย

ผมมีเคล็ดลับมาฝากคือ HR ที่ดีต้องพร้อมเผชิญปัญหาด้วยการคิดบวกอยู่เสมอ

ว่าทุกปัญหามีทางออกอยู่เสมอ มองปัญหา จาก “ยาก” ให้เป็น “อยาก” เวลาเราเจอปัญหา

โดยเฉพาะ HR มือใหม่ บางคนอาจจะตกใจกับปัญหา และหาทางแก้ไขไม่ได้เนื่องจากมุมมองของเราเองครับ

ถ้าเราคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ยาก ทุกอย่างจะเป็นสิ่งที่เราจะทำไม่ได้เลย

พอเรารู้สึกอยาก ก็เหมือนเติมไฟในตัวและคิดว่าเรากำลังสนุกกับการทำงานและการแก้ไขปัญหานั้น ๆ

แต่การแก้ไขปัญหาที่ความคิดอาจจะไม่พอ การเตรียมการรับมือปัญหาก็เป็นส่วนช่วยสำคัญ

การเป็นนักแก้ปัญหาที่ดีนั้นสิ่งสำคัญจะต้องตั้งสติทุกครั้งที่เกิดปัญหา

และหาทางแก้ไขปัญหานั้นด้วยสติ ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าเมื่อมีปัญหา HR  ที่ดี

จะต้องพร้อมในการแก้ไขปัญหา ทุก ๆ สถานการณ์ ครับ

“โอกาสมีไว้สำหรับคนขวยขวายเท่านั้น”

แต่ถ้าใครยังขาดทักษะเหล่านี้จงรีบพัฒนาตนเองให้เก่งทั้ง 6 ด้าน

ให้สมกับความตั้งใจที่จะเป็น HR มืออาชีพ และอย่ารอโอกาสเช่นเดียวกัน

แต่จงรีบขวนขวายหาโอกาสนั้น แล้วมุ่งมั่นแสดงผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อผู้อื่นกันครับ 

แผนงานที่ดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง จริงไหมครับ

ดังนั้นเรามาวางแผนงานในช่วงปลายปีนี้กันครับ

ที่เหล่าบรรดา HR ทั้งหลายต้องขบคิดในการจัดกิจกรรมให้พนักงานมีความสุข

ซึ่งจากประสบการณ์ตอนทำงาน HR นั้นส่วนใหญ่ปลายปีกิจกรรมที่มักทำกันบ่อย ๆ คงหนีไม่พ้น

งานกีฬาสี และ งานเลี้ยงปีใหม่ ซึ่ง HR จำเป็นต้องคิดต้องนำเสนอต่อผู้บริหาร

เพื่อสร้างความสุขให้พนักงานที่เหนื่อยกันมาทั้งปีได้ผ่อนคลายกันครับ

ในบทความนี้ผมขอยกตัวอย่างการจัดงานเลี้ยงปีใหม่จากองค์เก่าที่ผมได้ร่วมงานตลอด 4 ปีนั้น

ซึ่งพอถึงช่วงปลายปีทีมงาน HR ที่รับเป็นเจ้าภาพในการจัดกิจกรรมร่วมกับ Manager จากหน่วยงานต่าง ๆ

ที่มาเป็นคณะกรรมการในการช่วยจัดกิจกรรมให้เกิดขึ้นโดยเริ่มต้น ดังต่อไปนี้

  1. ช่วงเช้ามีกิจกรรมตักบาตรทำบุญข้าวสารอาหารแห้ง ปล่อยปลา และบริจาคสิ่งของผ่านมูลนิธิต่าง ๆ
  2. ช่วงบ่ายจัดกิจกรรม 5 ส ในการทำความสะอาดภายในแผนกต่าง ๆ
  3. ช่วงไฮไลท์ของวันในยามค่ำคืนนั่นคือ การจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ฉลองวันปีใหม่ที่กำลังจะเข้ามา

ซึ่งในช่วงค่ำคืนนอกจากมีการสังสรรค์กันแล้ว ก็ยังถือโอกาสแจกรางวัลต่าง ๆ

เช่น พนักงานดีเด่น พนักงานที่ทำงานครบ 10 ปีขึ้นไป จับฉลากรางวัลต่าง ๆ

ซึ่ง HR จำเป็นต้องมีการจัดลำดับความสำคัญในการทำงาน

รวมถึงการมองหาสถานที่ในการจัดงานเลี้ยงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุมตามโรงแรมซึ่งส่วนใหญ่นิยมใช้กัน

เพราะสะดวกในการจัดงาน สะดวกในเรื่องอาหาร และการบริการต่าง ๆ

ซึ่งเดี๋ยวนี้โรงแรมแต่ละที่ก็มีการบริการที่ดีทำให้งาน HR สามารถไปโฟกัสด้านอื่น ๆ บนเวที

และภาพรวมในการดูแลพนักงานให้อยู่ในระเบียบเรียบร้อย

เพราะสิ่งที่ต้องระวังในงานเลี้ยงหากมีเครื่องดื่มแอลกฮอลล์

นั่นคือ อาการเมาและขาดสติจนอาจเกิดปัญหาตามมาในอนาคต

ซึ่ง HR ต้องมีมาตรการความปลอดภัยเผื่อไว้จะดีมาก ๆ ครับ

หรือ หากใครอยากเปลี่ยนรูปแบบการจัดกิจกรรมในช่วงปลายปี ลองดูแนวทางอื่น ๆ บ้างก็ได้ครับ 
ข้อมูลจาก JobThai.com/REACH  

1.ทำความดีส่งท้ายปีด้วยกิจกรรมอาสาสมัคร

แทนที่เราจะหาความสุขกันเองในออฟฟิศ ปีนี้ลองเปลี่ยนไปสร้างประโยชน์และความสุขให้สังคมกันบ้างดีไหม

HBO ก็เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่เคยจัดงานเลี้ยงในโรงแรมมามากกว่า 10 ปี

มีอาหารหรูหราและเครื่องดื่มครบครัน แต่ยิ่งจัดกลับพบว่าพนักงานยิ่งมาน้อยลง

หรือไม่ก็มากันเป็นพิธีแล้วก็กลับ ภายหลังพวกเขาจึงเปลี่ยนความคิดใหม่

โดยการเสนอให้พนักงานลาในช่วงบ่ายวันหนึ่งเพื่อออกไปทำงานเพื่อสังคม

ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาพนักงานใน New York ออกไปเป็นจิตอาสากันสูงถึง 95%

โดยที่ผู้รับผิดชอบโครงการได้เผยว่าพนักงานเกิดความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากที่จะได้ออกไปทำประโยชน์ให้กับสังคม

แนวทางการจัดกิจกรรม

หาเวลาหนึ่งวันเพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานออกไปเป็นจิตอาสาช่วยเหลือสังคม

ยิ่งถ้าใช้ความเชี่ยวชาญขององค์กรออกไปสร้างประโยชน์ได้ด้วยก็จะยิ่งดี

โดยจะไปกันทั้งบริษัท หรือแยกแผนกกระจายไปตามสถานที่ต่าง ๆ ก็ได้

หลังจากนั้นตอนเย็นค่อยจัดงานเลี้ยงตามปกติและให้แต่ละทีมขึ้นมาเล่าประสบการณ์อาสาสมัครของตัวเอง

ให้ทุกคนฟังก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวเลย

 ประโยชน์ที่ได้จากกิจกรรม

  • พนักงานเกิดความภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมกับองค์กรในการสร้างประโยชน์ให้สังคม
  • พนักงานต่างแผนกได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น
  • สังคมได้รับประโยชน์จากกิจกรรมที่องค์กรจัดขึ้น

หรือจะลองปลูกจิตสำนึกการเป็นผู้ให้ต่อพนักงานในองค์กรบ้างก็ดีนะครับ ลองดู

2.ความสุขที่ “ได้” จากการ “ให้”

การให้เป็นสิ่งสำคัญที่นอกจากผู้รับจะได้ประโยชน์แล้วผู้ให้ยังรู้สึกอิ่มเอมใจ

ซึ่งเรามีตัวอย่างจาก DigitasLBi ผู้ให้บริการด้านการตลาดออนไลน์ระดับโลก

ที่มีกิจกรรมน่ารัก ๆ ชื่อ Giving Tree โดยที่บริษัทจะนำต้นไม้มาตั้งไว้ในออฟฟิศ

ซึ่งต้นไม้จะห้อยไว้ด้วยกระดาษมากมายที่ระบุรายการสิ่งของต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นของสำหรับเด็ก

เช่น หนังสือ อุปกรณ์วาดภาพ เสื้อผ้าที่มีราคาไม่แพงมากนัก 

พนักงานจะเลือกไปคนละ 1- 2 ใบแล้วไปซื้อของเหล่านั้นนำมาห่อของขวัญและวางไว้ใต้ต้นไม้

แลกกับสลากจับรางวัลติดมือกลับไป ซึ่งทางบริษัทจะนำต้นขั้วสลากเหล่านั้นไปจับของรางวัลให้พนักงานต่อ

ส่วนของขวัญใต้ต้นไม้จะถูกนำไปมอบให้กับหน่วยงานที่ต้องการ

ซึ่งผู้จัดกิจกรรมนี้ต้องการเปิดโอกาสให้พนักงานได้เป็นผู้ให้ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน

และหลังจากที่พวกเขาเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้แล้ว ก็จะได้รับรางวัลคืนจากองค์กรเช่นกัน

แนวทางการจัดกิจกรรม

เริ่มจากการเลือกมูลนิธิหรือหน่วยงานที่ต้องการความช่วยเหลือ

โดยให้พนักงานช่วยกันโหวตเลือกก็ได้ จากนั้น สอบถามถึงความต้องการจากมูลนิธิที่เลือก

เพื่อคิดกิจกรรมที่จะช่วยเติมเต็มความต้องการเหล่านั้นได้

ซึ่งนอกจากเราจะใช้วิธีตามตัวอย่างข้างต้นแล้ว เราอาจจะเปลี่ยนเป็นการไปจัดงานเลี้ยงปีใหม่

ให้กับเด็กขาดโอกาสหรือคนชรา พร้อมกับนำของขวัญและอาหารอร่อย ๆ ไปเสิร์ฟให้ทานกันถึงที่ก็ได้เช่นกัน

 ประโยชน์ที่ได้จากกิจกรรม

  • พนักงานได้มีส่วนร่วมในการส่งความสุขให้กับผู้อื่นผ่านการมอบของขวัญ
  • พนักงานได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น
  • เป็นการปลูกจิตสำนึกของการเป็นผู้ให้ และการแบ่งปันซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันในสังคม

3.Hackathon ระดมสมองประลองปัญญาเพื่อสร้างสรรค์ปีหน้าที่ดีกว่า

Hackathon คือกิจกรรมสุดฮิตที่บริษัทไอทีระดับโลกนิยมทำกัน

โดยเฉพาะ Facebook ที่จัดขึ้นเป็นประจำ ซึ่งจะเริ่มต้นจากการตั้งโจทย์ที่ท้าทาย

และให้พนักงานเข้าร่วมระดมสมองและทดลองทำจริงในระยะเวลาที่จำกัด

ซึ่งการทำ Hackathon นั้นไม่ได้ถูกจำกัดแค่คนที่มีความรู้เรื่องไอทีเท่านั้นในปัจจุบัน

Hackathon ยังสามารถประยุกต์ใช้กับทุกอุตสาหกรรมได้อีกด้วย

แนวทางการจัดกิจกรรม

เริ่มจากการตั้งโจทย์ที่ท้าทายก่อน เช่น ถ้าปีหน้าบริษัทมีการตั้งเป้าหมายที่จะผันตัวเองเข้าสู่ยุคดิจิทัลแบบเต็มตัว

เราอาจจะลองตั้งโจทย์ว่า ปฏิบัติการสู่การเป็นจ้าวแห่งดิจิทัลคอนเทนต์

ซึ่งนอกจากผู้เข้าแข่งขันจะต้องคิดหาวิธีการแล้ว อาจจะต้องออกไปทำ Research กับคนทั่วไปอีกด้วย

หรือโจทย์ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องงานโดยตรงเสมอไป อาจจะเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาที่องค์กรกำลังเผชิญอยู่อย่างสร้างสรรค์

เช่น การสร้างระบบการแสกนหน้าเข้าทำงาน การจัดระบบงานเพื่อนำไปสู่การ Work at Home เป็นต้น

ผู้เข้าร่วมทีมจะถูกแบ่งออกเป็นทีม ซึ่งประกอบไปด้วยตัวแทนจากทุกแผนกช่วยกันระดมความคิด

หลังจากนั้นนำเสนอผลงานให้กับผู้บริหารและเพื่อนร่วมงานร่วมกันโหวตหาผู้ชนะ

และถ้าได้ปิดท้ายกันด้วยงานเลี้ยงอีกก็ถือเป็นอันจบครบสมบูรณ์ได้ทั้งประโยชน์และความสนุก

ประโยชน์ที่ได้จากกิจกรรม

  • พนักงานได้ทดลองทำสิ่งใหม่ที่นอกเหนือจากงานประจำ ซึ่งอาจจะปลดล็อคความสามารถใหม่ได้
  • พนักงานได้แสดงทักษะบางอย่างที่หัวหน้าและเพื่อนร่วมงานไม่เคยทราบมาก่อน
  • ได้แนวคิดใหม่สำหรับนำมาใช้พัฒนาองค์กร
  • พนักงานมีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กร ซึ่งก่อให้เกิด Employee Engagement 
    (ความผูกพันธ์ของพนักงานต่อองค์กร) มากขึ้นอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก JobThai.com/REACH

หวังว่าแนวทางต่าง ๆ ในการจัดกิจกรรมในบทความนี้จะเป็นประโยชน์

เผื่อบางองค์กรอยากเปลี่ยนแนวทางในการจัดกิจกรรมที่แตกต่างออกไปจากสิ่งเดิม ๆ

ที่เราทำเพียงแค่งานเลี้ยงปีใหม่ครับ และการจัดทำกิจกรรมของหนีไม่พ้นงานของ HR ที่จำเป็นต้องคิด

และเป็นแม่งาน หาก HR หมั่นมองหาสิ่งใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และรุ่นเก่า

ให้สามารถร่วมกิจกรรมร่วมกันได้ ย่อมทำให้เกิดความรักความผูกพันในองค์กร

ส่งผลถึงการทำงานร่วมกันอย่างเข้าใจและมีความสุขครับ

เชื่อผมเถอะ ++

 

ท่านสามารถติดตาม Dr.fish ได้ทาง Line แล้วตั้งแต่วันนี้ โดยทำตามขั้นตอน คือ

1.ค้นหา ID : Dr.fish กรุณากดลิงก์ด้านล่าง หรือค้นหา ID "@dr.fish" ที่ LINE หรือ LINE@ 

(กรุณาใส่ "@" ด้วย) แล้วเพิ่มเป็นเพื่อนของคุณ

 2. คลิก Link http://line.me/ti/p/%40dr.fish

 

ประโยชน์ที่จะได้รับในการเป็นเพื่อนกับ dr.fish คือ

1.ได้รับข้อมูลการพัฒนาตนเองที่เป็นประโยชน์ วิธีคิดในเชิงบวก ทุกเช้า 7.30 น.ทุกวัน

2. สามารถปรึกษาการทำงาน วิธีคิดได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเกรงใจครับ ยินดีมาก ๆ ครับ

 

คิดบวก คิดถึง Dr.fish

เขียนโดย อ.มงคล กรัตะนุตถะ

วิทยากร นักคิด นักเขียน 

แบบฟอร์มติดต่อกลับ

Visitors: 799,550