เทคนิคการทำงานให้ได้งานและได้ใจ จาก เจ้านายและลูกน้อง
บทบาทของการเป็นหัวหน้างานที่ดีนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ในการทำงานและการปกครองคน
เพราะหัวหน้างาน ต้องอยู่ตรงกลาง ระหว่างการรับนโยบายจากผู้บริหาร เพื่อนำมาสื่อสาร วางแผน
ให้ลูกน้องในการผลักดันนโยบายจากนามธรรมสู่รูปธรรมที่จับต้องได้ และได้ผลลัพธ์ที่ดีในบั้นปลาย
ซึ่งบางครั้งหัวหน้างานอาจเจอสภาวะที่กดดันจากสิ่งรอบข้างที่ไม่ได้ดั่งใจ เพราะบางนโยบายก็ไม่ได้เป็นคน
คิดเอง แต่เพราะต้องรับผิดชอบจากงานที่ทำ พอไปสั่งงานลูกน้อง ลูกน้องบางคนก็ไม่รับฟัง
ฝืนทำแบบผิด ๆ จนผลงานไม่เข้าเป้า เมื่อผลงานไม่ได้คนที่ต้องรับผิดชอบก็คงหนีไม่พ้น หัวหน้างาน
ที่ต้องรับผิดชอบในการทำงานนั้น ๆ ซึ่งในการทำงานแต่ละวัน หากหัวหน้าไม่รู้จักวางแผนงานให้ดีแล้ว
ย่อมเป็นเรื่องยากมาก ๆ ครับ ที่งานจะเดินหน้าไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี
“แผนที่ดีไม่ได้การันตีความสำเร็จ แต่แผนที่ดีนั้น ย่อมลดข้อผิดพลาด ป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นได้จากสิ่งที่ทำ”
บทความนี้ผมขอแบ่งปันประสบการณ์
เทคนิคการทำงานให้ได้งานและได้ใจ จาก เจ้านายและลูกน้อง ตามมาอ่านกันครับ
1.หัวหน้างานต้องรู้จักวางแผนงานและสื่อสารในทิศทางเดียวกัน
ในการทำงานแต่ละวัน ย่อมมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ทำให้ไม่สามารถเดินหน้าไปสู่เป้าหมายตามที่ตั้งใจไว้
ได้ ซึ่งหากเป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ ก็ควรต้องทำใจ ตั้งสติให้ดี และกลับมาค้นหาสิ่งที่ควรทำในความ
รับผิดชอบของตนเอง และของทีม นั่นคือ สิ่งที่เราสามารถควบคุมมันได้
ว่าจะมีหนทางอย่างไรในการแก้ไขปัญหาในการทำงานแต่ละวัน
ซึ่งผมเชื่อว่า ปัญหาจะน้อยลง หากหัวหน้างานรู้จักคิด รู้จักวางแผน ก่อนเริ่มงานทุก ๆ เช้า
โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีเป้าหมายชัดเจนในการทำงานแต่ละวัน เช่น ฝ่ายขาย ฝ่ายผลิต เป็นต้น
ที่ต้องนั่งคิดว่า วันนี้เรามีเป้าหมายเรื่องอะไรที่จะทำให้องค์กรพัฒนา เรามีเวลาในการทำงานเท่าไหร่
หากเจอปัญหาเรามีแผนสำรองมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเรื่องเหล่านี้หัวหน้างานต้องพยายามกระตุ้นต่อม
ความคิดทั้งของตนเอง และของลูกน้อง ให้รับทราบเป้าหมาย และค้นหาแนวทางในการวางแผนร่วมกัน
ซึ่งหัวหน้างานต้องคิด ต้องหาวิธีการ และรับฟังแนวทางต่าง ๆ จากลูกน้องเพื่อให้งานออกมาในทิศทาง
เดียวกัน เพราะการเปิดโอกาสให้ลูกน้องได้กล้าสื่อสาร ได้กล้านำเสนอ หัวหน้างานย่อมมีทางเลือก
ในการแก้ไขปัญหา หรือ การวางแผนที่มากขึ้นจากการคิดเองคนเดียว อย่าลืมว่าคนที่อยู่หน้างาน
ย่อมรู้ถึงปัญหาและวิธีการมากกว่าคนที่มองแค่ภาพรวม ยิ่งหากทำงานและเจอปัญหาในแต่ละวัน
ควรจัดให้มีการพูดคุย ประชุม เพื่อการแก้ไขปัญหามากกว่าปล่อยปะละเลยทำเป็นหูทวนลม
และการจัดประชุมในการแก้ไขปัญหา ควรจัดให้มีวาระที่ชัดเจนในการพูดคุย
เน้นปัญหาในภาพรวมของการทำงานร่วมกัน มากกว่าปัญหาส่วนตัว โดยหัวหน้าต้องกล้าเปิดใจรับฟัง
ทุก ๆ แนวทางในการนำเสนอของลูกน้อง รู้จักขอบคุณลูกน้องที่กล้าเสนอแนะความคิด
และสรุปแนวทางของการแก้ไขปัญหาให้ลูกน้องฟัง โดยอาจเลือกมา 3 แนวทางที่น่าสนใจ
และจัดลำดับเป็นแผนการแก้ไขปัญหา เผื่อแผนแรกไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็ยังมีแผนสำรองให้เลือกใช้ต่อไป
อีกทั้งการแก้ไขปัญหา ควรกำหนดผลติดตามประเมินเป็นระยะ ๆ เพื่อประเมินแนวทางว่าควรใช้ต่อ
หรือควรเปลี่ยนแปลง ซึ่งกิจกรรมหนึ่งที่ผมอยากให้หัวหน้างานทำในทุก ๆ วัน หรือ สัปดาห์หนึ่งทำ 3 วัน
นั่นคือ การทำ Morning Talk ที่เป็นการกระตุ้นการรับรู้ในงานแต่ละวันให้เกิดทิศทางเดียวกัน
โดยการทำ Morning Talk เราคุยประเด็นหลัก ๆ 3 เรื่อง คือ
1.1 ปัญหาแนวทางการแก้ไข
1.2 เป้าหมายและแผนงานในวันนี้
1.3 การเน้นย้ำสิ่งที่ต้องระมัดระวัง และการกระตุ้นขวัญและกำลังใจ
โดยใช้เวลาไม่นานในการประชุมเพียง 15 นาทีในทุก ๆ เช้าก่อนเริ่มต้นแยกย้ายไปทำงาน
และการประชุมที่ดี ไม่ควรใช้รูปแบบการสื่อสารทางเดียว แต่ควรใช้การสื่อสารในรูปแบบสองทาง
มีการโต้ตอบ มีการรับฟังซึ่งกันและกัน และมีการจดบันทึกในแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อเป็นตัวเลือก
ในการปรับปรุงงานต่อไป
2.การเลือกใช้คนให้ถูกกับงาน
การทำงานในแต่ละวัน หัวหน้าต้องรู้จักลูกน้องให้เยอะ ๆ และจ่ายงานให้ลูกน้องได้ทำในสิ่งที่ตรงกับ
ความต้องการ ความชอบของลูกน้อง หรือถ้าเห็นว่า ลูกน้องคนนี้มีศักยภาพมากพอในการทำงานอื่น ๆ
ก็ควรอธิบายถึงวัตถุประสงค์ในการทำงานในชิ้นงานใหม่ และสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกน้องว่า
เขาสามารถทำสิ่งใหม่ ๆ ได้ ไม่ใช่ทำแต่สิ่งเดิม ๆ หรือสิ่งที่ชอบเพื่อเป็นการพัฒนาลูกน้องคนนั้นให้เก่งขึ้น
แต่ก่อนที่จะพัฒนาเราต้องดึงศักยภาพที่เขามีขึ้นมาก่อน ซึ่งผมขอเรียกว่า จุดแข็งของคน
ที่หัวหน้างานต้องหมั่นสังเกต หมั่นตรวจสอบการทำงานของลูกน้องว่า
เขามีความรู้สึกกับงานที่ทำอย่างไร เพื่อผลักดัน เพื่อแก้ไข เพื่อพัฒนาลูกน้องคนนั้นต่อไปในอนาคต
เรื่องเหล่านี้ เราคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า มันคือหน้าที่และความรับผิดชอบของหัวหน้าที่ควรมีต่อลูกน้อง
ซึ่งผมมีคนอยู่ 4 ประเภทที่อยากให้ลองศึกษาในการมอบหมายงาน และติดตามงาน ให้ได้ทั้งงานและได้ใจ
นั่นคือ
2.1 ลูกน้องแบบ Star
ลูกน้องประเภทนี้ มักเป็นคนเก่ง และมีทัศนคติที่เป็นบวก ต่องานที่ทำ
ซึ่งการมอบหมายงาน ควรให้งานที่ท้าทายให้ลูกน้องคนนี้ทำอยู่เสมอ
ส่วนการติดตามงาน ก็ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ให้กรอบระยะเวลาในการทำงาน
ถึงเวลางานมาส่งตามกำหนดแน่นอนครับ
ลูกน้องประเภทนี้ควรเก็บรักษาไว้ให้ดีและผลักดันให้โอกาสเติบโตต่อไปในอนาคตเชียร์ครับ
2.2 ลูกน้องแบบ Work Horse
ลูกน้องประเภทนี้ มักเป็นคนที่มีความตั้งใจ ทัศนคติดี แต่มักทำงานผิดบ่อย ๆ
ซึ่งการมอบหมายงาน ควรเน้นย้ำการสื่อสารแบบสองทางให้มาก ๆ ก่อนมอบหมายงานให้ทำ
ส่วนการติดตามงาน อาจต้องใกล้ชิดเพื่อคอยแนะนำ คอยตรวจสอบในระยะแรก ๆ
เพื่อปรับกระบวนการทำงานทำความเข้าใจในเนื้องานให้รัดกุมมากขึ้น
คนประเภทนี้หากสามารถลดข้อผิดพลาดในการทำงานได้ย่อมสามารถกลายเป็นแบบ Star ได้ไม่ยาก
2.3 ลูกน้องประเภท Problem Child
ลูกน้องประเภทนี้ มักเป็นเด็กที่มีอีโก้ มีความสามารถ แต่มักไม่ค่อยรับฟังความคิดของหัวหน้า
การมอบหมายงาน อาจต้องลองเปิดใจและให้โอกาสในการทำงานให้มากขึ้นจากแนวคิดของลูกน้อง
โดยหัวหน้าต้องประเมินผลเสียไว้ล่วงหน้า เพราะหากเกิดความผิดพลาดในภาพรวมหัวหน้าต้องอธิบาย
ให้ลูกน้องประเภทนี้เข้าใจ ทว่า หากความผิดพลาดนั้นไม่ได้ส่งผลเสียหาย ก็ลองให้ลูกน้องประเภทนี้ทำดู
เพราะหากเรารับฟังเขา ให้โอกาสเขามากเท่าไหร่ คนประเภทนี้มีความสามารถอยู่แล้ว
เราอาจได้ขุนพลมือดีข้างกายก็ย่อมได้ครับ
ส่วนการติดตามงาน ควรมีกรอบที่ชัดเจนในงานที่ทำ และไม่ควรไปจู้จี้จุกจิกกับรายละเอียดของงาน
แต่ให้โอกาสแสดงฝีมือได้เต็มที่ครับ และหากเกิดความผิดพลาดในการทำงานหัวหน้างานต้องเรียกมา
พูดคุยและทำความเข้าใจ ปรับทัศนคติให้ตรงกัน ผมเชื่อว่า หากลูกน้องทำผิดพลาดเขาจะเริ่มฟังหัวหน้า
มากขึ้นครับ ดังนั้น การพูดคุย ต้องไม่ใช้อารมณ์กับลูกน้องประเภทนี้ แต่ใช้การรับฟัง และใช้คำพูดในเชิง
สร้างสรรค์ครับ
2.4 ลูกน้องประเภท Dead Wood
ลูกน้องประเภทนี้ มักเป็นคนที่ทำงานมานาน รู้เข้าใจทุกอย่าง แต่มักหมดไฟไม่ค่อยอยากพัฒนา
คนประเภทนี้หากมีเยอะ หัวหน้างานจะลำบากใจ เพราะงานไม่ค่อยเดิน นอกจากงานจะไม่เดินแล้ว
ทัศนคติยังเป็นลบ มากกว่าบวก ไม่อยากพัฒนาตนเอง แต่อยากได้เงินเดือนสูง ๆ ไม่รับฟัง และมักจะแย้ง
แนวทางที่หัวหน้าพูดอยู่เสมอ ซึ่งคนประเภทนี้ต้องปรับทัศนคติเยอะๆ โดยการเรียกมาตักเตือน เรียกมา
พูดคุยกันตัวต่อตัว เพื่อค้นหาสาเหตุของสิ่งที่ลูกน้องประเภทนี้เป็น และเปิดโอกาสให้แก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด
ถ้ายังไม่มีการปรับปรุงตัวเอง ก็ต้องใช้ไม้แข็งในเรื่องกฎระเบียบต่อไป
การมอบหมายงาน ควรให้งานง่าย ๆ งานที่ไม่ค่อยสำคัญ เพื่อทำให้ลูกน้องคนนี้ได้เกิดการตระหนัก
ในสิ่งที่ทำ เพราะหากให้งานที่สำคัญ ๆ หากผิดพลาดจะส่งผลเสียหายมากต่อทั้งทีม
แต่หากให้งานที่สำคัญน้อย ๆ หากผิดพลาดก็ยังพอแก้ไขได้และไม่ส่งผลเสียในภาพรวม
การติดตามงาน ควรติดตามงานเป็นระยะ ๆ เพื่อดูความเรียบร้อยของงาน หากงานผิดพลาดต้องเรียก
มาตักเตือนในทันที และชี้ความผิดให้แก้ไขปรับปรุง แต่หากยังทำเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมก็ควรใช้ไม้แข็งในเรื่องกฎระเบียบข้อบังคับต่อไป
แต่ผมก็ยังมีความเชื่อว่า คนประเภท Dead Wood สามารถแก้ไขปรับปรุงตนเองได้
ขอเพียงหัวหน้าพร้อมรับฟัง พร้อมให้โอกาสในการแก้ไขปรับปรุงตนเอง
แต่ถ้าให้โอกาสในเรื่องที่ผิดพลาดซ้ำซากบ่อย ๆ หัวหน้างานก็ควรทำการตัดสินใจเพื่อภาพรวมของทีม
ให้อยู่ในทิศทางที่เป็นบวกมากกว่าลบนะครับ
การทำงานในแต่ละวัน เรื่องที่ผมคิดว่าเป็นปัญหาที่น่าหนักใจสำหรับคนเป็นหัวหน้างานนั้น
คงหนีไม่พ้นเรื่องของ คน ไม่ว่าจะเป็นระดับที่สูงกว่า หรือ ต่ำกว่าเรา แต่หากเราทำความเข้าใจ
และพร้อมปรับตัวเอง โดยหากคนนั้นอยู่สูงกว่า ก็ต้องหมั่นสังเกตความต้องการของหัวหน้าว่า
เขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ปรับตัวทำในสิ่งที่เขาชอบ แต่ต้องเป็นเรื่องงานนะครับ
เช่น หากเขาชอบงานที่รวดเร็ว และได้ผลลัพธ์ดี ๆ เราก็ต้องพยายามปรับตัวให้ทันความต้องการของ
หัวหน้า เช่นกัน กับลูกน้องของเรา ที่ต้องเข้าใจ ว่าลูกน้องแต่ละคนมีสไตล์ไหน เลือกใช้คนให้ถูกกับงาน
หรือ หากเริ่มมีปัญหา จงใช้เครื่องมือในการแก้ไขปัญหาให้ถูกต้องกับคนประเภทนั้น ๆ ตามตัวอย่าง
ที่ผมให้ไว้กับลูกน้อง 4 ประเภท และสิ่งที่สำคัญของการแก้ไขปัญหา คือ การพร้อมเปิดใจเป็นกลาง
รับฟังปัญหาให้มาก และใช้แนวทางการแสดงบทบาทภาวะผู้นำที่ ใช้ใจนำทาง
มากกว่าใช้กฎระเบียบใช้อำนาจเป็นแนวทางในการปกครองลูกน้องนะครับ
ในการทำงาน ลูกน้องคอยสังเกตหัวหน้าอยู่เสมอ
หากหัวหน้าเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งคำพูดและการกระทำย่อมได้ใจลูกน้องเป็นแน่ครับ
ทว่า หากหัวหน้าไม่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีได้ สุดท้ายไม่ต้องโทษลูกน้องครับ
โทษที่ตัวเองนั่นแหล่ะ
เชื่อผมเถอะ ++
ท่านสามารถติดตาม Dr.fish ได้ทาง Line แล้วตั้งแต่วันนี้ โดยทำตามขั้นตอน คือ
1.ค้นหา ID : Dr.fish กรุณากดลิงก์ด้านล่าง หรือค้นหา ID "@dr.fish" ที่ LINE หรือ LINE@
(กรุณาใส่ "@" ด้วย) แล้วเพิ่มเป็นเพื่อนของคุณ
2. คลิก Link http://line.me/ti/p/%40dr.fish
ประโยชน์ที่จะได้รับในการเป็นเพื่อนกับ dr.fish คือ
1.ได้รับข้อมูลการพัฒนาตนเองที่เป็นประโยชน์ วิธีคิดในเชิงบวก ทุกเช้า 7.30 น.ทุกวัน
2. สามารถปรึกษาการทำงาน วิธีคิดได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเกรงใจครับ ยินดีมาก ๆ ครับ
คิดบวก คิดถึง Dr.fish
เขียนโดย อ.มงคล กรัตะนุตถะ
วิทยากร นักคิด นักเขียน