เป็นผู้นำแบบไหน...ที่เก่งทั้งงานและเก่งทั้งคน

การเป็นผู้นำที่ดี หรือ เรียกว่า ผู้นำที่มีภาวะผู้นำนั้น” ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากครับ

เพราะการก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ผู้นำนั้น มีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่รออยู่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการงาน

ให้ได้ตามนโยบายและเป้าหมายที่ผู้บริหารมอบหมายมา และสิ่งที่ท้าทายสุด ๆ คือ การบริหารคนที่มีความคิดแตกต่าง

หลากหลายมุมมองให้เราต้องมีเรื่องปวดหัวในทุก ๆ วันครับ จากประสบการณ์ในการทำงานด้านคนกว่า 11 ปี

ผมพบว่าการบริหารคนให้สามารถทำงานได้ดีนั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลเอาใจใส่คนของผู้นำ การปฏิบัติตัวของผู้นำ

ที่มีต่อลูกน้องว่าอยู่ในทิศทางไหน บวก หรือ ลบ เพราะว่าเราเปลี่ยนความคิดคนอื่น ๆ ไม่ได้ครับ แต่เราสามารถดูแล

ความคิดของแต่ละคน และนำมาเป็นคลังข้อมูลในการพัฒนางานและปรับปรุงงานได้อีกมากมาย แค่เราใช้ใจในการ

บริหารจัดการคน โดยการเปิดใจรับฟังลูกน้อง ให้อิสระกับลูกน้องในความคิด และเข้าใจสไตล์ของแต่ละคนเพื่อการบริหาร

และการมอบหมายงานให้เกิดแรงจูงใจในการทำงานอย่าลืมว่า ลูกน้องมองผู้นำอยู่ทุก ๆ วัน หากผู้นำเป็นตัวอย่างที่ดีทั้ง

เรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เมื่อถึงเวลาที่ต้องสื่อสารลงไป คำพูดนั้นย่อมศักดิ์สิทธิ์ครับ ทว่า หากตรงกันข้ามตัวใครตัวมัน 555

บทความวันนี้จะพาทุกท่านไปศึกษาหลักการบริหารงานและบริหารคน โดยใช้หลักการ DISC มาวิเคราะห์

เพื่อการบริหารงาน และ บริหารคนให้อยู่ในทิศทางเดียวกันครับ ตามมาอ่านกัน

 

 

 

จากตารางจะเห็นว่าพฤติกรรมของคนนั้นแบ่งเป็น 2 กลุ่ม นั่นคือ

  1. พฤติกรรมเชิงรุก

คนกลุ่มนี้จะเป็นคนทำงานค่อนข้างเร็ว มีความคิดก้าวไปข้างหน้า ตื่นตัว เน้นการลงมือทำเพื่อสร้างผลลัพธ์

  1. พฤติกรรมเชิงรับ

คนกลุ่มนี้จะเป็นคนทำงานค่อนข้างช้า มีกรอบทางความคิด ทำงานเป็นขั้นเป็นตอน มีความละเอียดในการทำงานสูง

 

จากประสบการณ์ส่วนตัวผม ผมมองว่า พฤติกรรมทั้ง 2 กลุ่มนี้ไม่มีใครดีกว่ากันครับ แต่เราควรนำจุดแข็งของทั้งสองด้าน

นำมาปรับใช้ เพราะหากเราใช้เพียงด้านเดียว อาจทำให้เราเกิดความผิดพลาดได้

 

เช่น หากเราทำงานเร็วมากเกินไป แต่ขาดการคิดที่รอบคอบย่อมมีโอกาสผิดพลาดได้สูง

หรือ หากเราใส่ใจในความละเอียดมากเกินไป ก็อาจส่งงานไม่ทัน

 

ดังนั้น ความพอดี คือ การทำงานให้เร็ว และ มีคุณภาพในงานนั้น ๆ

เพราะเราต้องเน้นความเร็ว เพื่อการแข่งขันในเชิงเวลา และมีคุณภาพในการทำงานเพื่อให้สินค้าและบริการเป็นที่พึงพอใจต่อลูกค้าครับ

เมื่อเราแบ่งพฤติกรรม 2 กลุ่ม เชิงรุก และ เชิงรับ เรามาดูการโฟกัสอีก 2 กลุ่ม

จากภาพจะมีกลุ่มที่เน้นเรื่องงาน และ เน้นเรื่องคน/จิตใจ

  1. เน้นเรื่องงาน คือ การใส่ใจที่ตัวเนื้องานหลักก่อนเรื่องส่วนตัว
  2. เน้นเรื่องคน/จิตใจ คือ การใส่ใจที่ความรู้สึกของคนก่อนเรื่องงาน

ยกตัวอย่าง ถ้ามีเจ้านายมาถึงที่ทำงาน แต่มาถึงก็ถามถึงเรื่องงานก่อนเรื่องอื่น ๆ ให้คิดว่า เขาใส่ใจเนื้องานเป็นหลัก

แต่ หากเจ้านายมาถึงที่ทำงาน ได้มีการถามสารทุกข์สุกดิบ เน้นการพูดคุยทักทายมีความเป็นกันเอง ให้คิดว่า

เขาใส่ใจที่คนเป็นหลักครับ

จากภาพ คนฝั่งทำงานเชิงรุก จะเป็นกลุ่ม D (DOMINANCE) และ I (INFLUENCE)

คนทำงานเชิงรับ จะเป็นกลุ่ม S (STEADINESS) และ C (COMPLIANCE)

 

แต่หากดูการที่การโฟกัส กลุ่ม D (DOMINANCE) และ C (COMPLIANCE)จะโฟกัสที่งานเป็นหลักทั้งคู่

ส่วน I (INFLUENCE) และ S (STEADINESS) จะเน้นการโฟกัสที่คน/จิตใจ คนทั้งคู่

 

การเป็นผู้นำ ควรโฟกัสทั้ง 4 ด้านเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ครับ

เพราะหากเราโฟกัสเพียงด้านงานเพียงอย่างเดียว ก็คงไม่สามารถบริหารจัดการคนให้ทำงานด้วยกันได้

เพราะขึ้นชื่อว่า คน ย่อมต้องการการดูแลเอาใจ่ใส่ มากกว่าแค่เรื่องงานเท่านั้น

หรือหากเราใส่ใจคนมากเกินไป ใจดีมากเกินไป ก็อาจทำให้งานไม่เสร็จเพราะไม่กล้าตักเตือนลูกน้องก็เป็นได้ครับ

ดังนั้นเรามาวิเคราะห์คน 4 แบบกันครับว่าเราสามารถนำจุดไหนมาทำงานและบริหารคนให้เดินไปข้างหน้าร่วมกันได้ครับ

D (DOMINANCE)

คนกลุ่มนี้เน้นความเร็วในการทำงาน และโฟกัสที่งานเป็นหลัก ผู้นำควรมีข้อนี้ให้มาก ๆ ครับ เพราะเมื่อเรารับ

ตำแหน่งเป็นผู้นำ ผู้บริหารย่อมมีความคาดหวังว่าเราจะทำงานไปถึงเป้าหมายได้ ดังนั้นเมื่ออยู่ในเวลางาน

ผู้นำควรมีความคิดเรื่องงานที่ชัดเจน คิดถึงผลลัพธ์ในการทำงานเพื่อทำให้งานเกิดเป็นรูปธรรมให้มากขึ้น

คำนึงถึงเวลาในการทำงานเพื่อการส่งมอบหมายงานให้รวดเร็วแต่เด็ดขาดในการตัดสินใจ ทั้งปัญหาในการทำงาน

และปัญหาของคนเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในการทำงานภายในองค์กร

เน้นการทำงานให้เสร็จทันเวลา

I (INFLUENCE)

คนกลุ่มนี้เน้นความเป็นมนุษย์มากขึ้น ซึ่งมีความเป็นกันเอง ยืดหยุ่น ไม่ถือตัว มีรอยยิ้มเพื่อดึงดูดให้ลูกน้องกล้าเข้าหา

มากกว่าถอยหนี มีความเป็นประชาธิปไตยชอบทำงานแบบทีม มากกว่าชี้นิ้วสั่งงาน ซึ่งผู้นำที่ดีควรกล้าเปิดใจ

ให้อิสระในการทำงานต่อลูกน้อง พร้อมแชร์ไอเดียซึ่งกันและกัน และมีการช่วยเหลือลูกน้องหากลูกน้องทำงานผิดพลาด

รวมถึงเขาจะรู้ว่า ถ้าลูกน้องเกิดปัญหาเขาจะพร้อมอยู่เคียงข้าง หรือหากลูกน้องทำงานได้ดี เขาจะมีจิตวิทยาในการ

กระตุ้นคนเพื่อให้เกิดไฟในการทำงานตลอดเวลาผ่านการสื่อสารด้วยคำพูดเชิงบวกเพื่อให้คนทำงานมีพลังในการทำงาน

เน้นการสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีและกระตุ้นความคิดให้กล้าแสดงออก

 

S (STEADINESS)

คนกลุ่มนี้เน้นการทำงานที่รอบคอบมากขึ้น แต่ยังมีความเป็นมนุษย์ที่สูง แต่ไม่ใช่คนที่กล้าลงมือทำมาก

ซึ่งต่างจากคนกลุ่ม I (INFLUENCE) ที่กล้าพูดมากกว่ารับฟัง แต่คนกลุ่มนี้พร้อมที่จะรับฟังทุก ๆ แนวคิดมากกว่าการพูด

เพราะไม่อยากให้ทุกคนทะเลาะกัน แต่อยากให้ทำงานด้วยความราบรื่น ดังนั้นทุกคำพูดเขาจะกลั่นกรองออกมาด้วย

ถ้อยคำที่สุภาพ ซึ่งผู้นำกลุ่มนี้จะเป็นคนที่มีความอดทนสูง มีน้ำใจ ใจดี ชอบช่วยเหลือลูกน้อง ทำให้ลูกน้องไม่กดดันในการ

ทำงานเพราะไม่เร่งรีบกับการทำงานที่มากเกินไป มีความยืดหยุ่นสูงมาก ๆ ซึ่งบางครั้งการทำงานต้องมีความเห็นอกเห็นใจ

ลูกน้องบ้างในบางครั้งเพื่อการทำงานที่ราบรื่นและบรรยากาศที่ดีในการทำงาน

เน้นการทำงานที่พร้อมรับฟังแนวคิดและความรู้สึกเวลาลูกน้องมีปัญหา

 

C (COMPLIANCE)

คนกลุ่มนี้เน้นการทำงานที่ค่อนข้างละเอียดสูงมาก ๆ มีมาตรฐานในการทำงานที่ชัดเจน มีแบบแผนในการทำงานทุก ๆ

เรื่อง เน้นการทำงานเป็นหลัก แต่ต่างกับ D (DOMINANCE)ที่ทำงานค่อนข้างเร็ว สั้น กระชับ

แต่กลุ่ม C (COMPLIANCE)จะเน้นเนื้องานที่มีความละเอียด มีเหตุผล มีหลักฐานในการวิเคราะห์ข้อมูลก่อนตัดสินใจ

ลงมือทำ ซึ่งผู้นำต้องหมั่นตรวจสอบการทำงานเพื่อความละเอียด เพราะหากเราทำงานลวกย่อมทำให้เกิดความผิดพลาด

และบางครั้งต้องเสียเวลาในการแก้ไขงาน แต่หากเราทำงานด้วยการวางแผนให้รอบคอบ ทำงานเป็นขั้นตอนเดินตาม

ระบบย่อมทำให้งานออกมามีมาตรฐานได้ครับ

เน้นการวางแผนและทำงานตามระบบเพื่อมาตรฐานในการทำงานที่ดี

สรุป ผู้นำ 4 ด้านในการบริหารงานและบริหารคน

  1. ด้านการทำงาน เน้นความรวดเร็ว กล้าตัดสินใจในการทำงานเชิงเป้าหมาย D (DOMINANCE) 

แต่มีความละเอียดรอบคอบในการคิด วิเคราะห์ และแยกแยะ เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการทำงาน

แบบคนประเภท C (COMPLIANCE)

  1. ด้านคน กล้าสื่อสาร กล้าพูดคุย มีความเป็นกันเอง ไม่ถือตัว เน้นการสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดี

มีความเป็นประชาธิปไตยในการทำงานพร้อมให้ทุกคนมีส่วนร่วมในงานที่ทำ I (INFLUENCE)แต่พร้อมรับฟังเสียงสะท้อนจากลูกน้องในการทำงาน 

มีความอดทน คิดก่อนพูด และสร้างบรรยากาศให้เกิดการรัก สามัคคี อ่อนน้อมถ่อมตน  

ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ลดความขัดแย้งทางความคิดในการทำงานเหมือนคนประเภท S (STEADINESS)

 

ดีที่สุด คือ การเดินทางสายกลางครับ แค่เข้าใจหลักคิดและปรับตัวให้เหมาะสมกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ากับสถานการณ์ที่เจอ

ในปัจจุบัน ทุกอย่างย่อมราบรื่นแน่นอนครับ ลองนำไปปรับใช้ดูนะครับ มีคำถาม หรือ อยากให้ผมเข้าไปพัฒนาความคิด

ในเชิงพฤติกรรมคน ติดต่อ 0633649356 ยินดีบรรยายและให้คำปรึกษาทั่วไทยครับ

 

คิดบวก คิดถึง Dr.fish

เขียนโดย อ.มงคล กรัตะนุตถะ

วิทยากร นักคิด นักเขียน 

แบบฟอร์มติดต่อกลับ

Visitors: 813,906