เปลี่ยนปัญหาให้เป็นโอกาสสู่ความสำเร็จ

ปัญหามีร้อยแปดพันเก้าที่ให้เราตามแก้ไข แต่ชีวิตของเรานั้นทำไมถึงต้องนำไปผูกกับปัญหา

มีคนเคยบอกผมว่า ถ้าอยากประสบความสำเร็จในชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ย้ำ ที่ยิ่งใหญ่ อย่าบ่น อย่าโทษตัวเอง

อย่ามองความล้มเหลวในชีวิตเป็นอุปสรรคในการเดินหน้าขวนขวายความสำเร็จ

และอย่ารอเมื่อมีโอกาสหรือสิ่งดี ๆ วิ่งเข้ามาหาตัวเรา แต่จงรีบคว้าโอกาสนั้นในวันที่ไม่พร้อม

จงอย่ากลัวการเริ่มต้น ทุก ๆ เช้าที่เราตื่นขึ้นมาลองจ้องมองความสดใสที่เบิกบานในใจเรา รับแดดอุ่น ๆ ที่ช่วยให้เราผ่อนคลาย

เมียงมองต้นไม้และธรรมชาติที่โลกให้มา และใคร่ครวญถามตัวเองสักนิด ว่า

 

ในวันที่ฝนตกยามค่ำคืนทำให้ใจเราสะท้านความเหงา เรายังสามารถเข้มแข็ง อดทนได้อยู่หรือไม่

เรายังมีจิตใจเบิกบานเหมือนวันก่อน ๆ หรือเปล่า ?

ในวันที่เราท้อถอย สุดแสนจะเหนื่อยล้าเรายังมีกำลังใจสู้ต่อไปหรือเปล่า ในวันรุ่งขึ้น ?

ในวันที่เราต้องเผชิญกับบทบาทหน้าที่ ที่เราต้องรับผิดชอบในทุก ๆ ด้าน เรายังคงมุ่งมั่นอดทน

หรือยอมแพ้แล้วสละหน้าที่นั้นหลุดออกไป ?

 

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่เป็นปัญหาที่ทำให้เราต้องคิด คิด และก็คิด อยู่ตลอดเวลา

การคิดเป็นเรื่องที่ดี ถ้าเรารู้จักคิดบวก คิดเพื่อแก้ไขปัญหา ดีกว่าการคิดที่วิตกกังวล หวาดกลัว และไม่มีความสุข

เพราะยังมีปัจจัยอีกหลากหลายด้านที่ทำให้เราเกิดความเครียด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการ ทำงาน ปัญหาครอบครัว

ปัญหาคนรัก ปัญหาเรื่องเพื่อน ปัญหาหนี้สิน ปัญหาเรื่องเรียน ปัญหาบ้านเมือง และอีกสารพัดปัญหาที่เราต้องตามแก้ไข

แต่บางครั้งเราจำเป็นต้องแก้ทั้งหมดไหม ? ผมว่าไม่จำเป็นนะครับ

ผมเชื่อว่าปัจจัยภายนอกเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้นั้น เราไม่สามารถเปลี่ยนโลกใบนี้ให้อยู่ในอุ้งมือของเราได้

แต่สิ่งที่เราสามารถควบคุมมันได้นั่นคือ ปัจจัยภายใน

 

ปัจจัยภายใน หมายถึง ปัจจัยที่ตัวเรานั้นต้องตระหนักรับรู้กับสภาวะของจิตใจ

พูดง่าย ๆ ก็คือรู้ตัวเองว่าตัวเรา เกิดความทุกข์ ตัวเรามีความสุข ตัวเรากำลังเศร้า ตัวเรากำลังยิ้ม

เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง ตัวเราเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงง่ายที่สุด ปัญหาก็เช่นกัน เมื่อพบปะกับปัญหา

ก็อย่าได้เกรงกลัว ทำใจดีสู้เข้าไว้ ข่มปัญหานั้นให้ค่อย ๆ จางหายไป  ใช้สติเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับปัญหา

ลองพูดกับตัวเองทุกครั้งว่า

 

เดินหน้าไปต่อ ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาให้แก้ไขก็ยอม

หยุดไม่ได้ แพ้ไม่ได้ เพราะสิ่งต่าง ๆ ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ ถ้าใจไม่สู้

 

ดังนั้น เมื่อมีปัญหา มีความเครียด มีความทุกข์ มีอารมณ์เชิงลบ จงปลุกความคิดเชิงบวกขึ้นมา

โดยอาจย้อนระลึกถึงครั้งวัยเด็กที่เรายังวิ่งเล่น เตาะแตะ มีความสุขกับทุก ๆ การกระทำ

เพราะเด็กเป็นวัยที่ขาวสะอาด บริสุทธิ์ เด็กเป็นดั่งสายลมที่ช่วยพัดสิ่งไม่ดีออกไปจากสภาวะจิตใจ

ช่วยให้เราผ่อนคลายเมื่อนึกถึง หรือ ช่วยให้เราเกิดรอยยิ้ม สนุก และหัวเราะไปกับวันวาน

เมื่อนึกถึงที่ไรก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นกับตัวเองเสมอว่า “ทำไปได้”

และเสียงหัวเราะแผ่วเบาแต่ซาบซึ้งกับความสุขที่ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

 

ผมเชื่อว่าปัญหาทุกปัญหามีทางแก้ไขได้ ถ้าหัวใจแห่งความมุ่งมั่น บอกให้เดินไปข้างหน้า

ลองเปลี่ยนมุมคิด เป็นการคิดนอกกรอบ พยายามให้ความคิดหลุดจากกรอบที่เราคอยกำหนดไว้

เช่น ถ้าเดินแต่ในกรอบ ลองเดินนอกกรอบได้ไหม เดินนอกกรอบดีอย่างไร เดินนอกกรอบให้ประโยชน์อย่างไรกับตัวเรา

เพราะทุกอย่างไม่มีผิดหรือถูกกับการได้ลองในครั้งแรก แต่มันคือสมบัติล้ำค่าที่จะทำให้เราได้เรียนรู้และสร้างมูลค่า

ที่มากกว่าเดิมในครั้งแรก เมื่อรู้จักคิดนอกกรอบได้แล้ว สิ่งสำคัญจงลงมือทำสิ่งที่เราสรรค์สร้างมันขึ้นมาให้ค้นพบสัจธรรมในการแก้ไขปัญหา

มีนิทานเรื่องหนึ่งที่ผมอ่านทุกครั้งก็ชอบในตัวละครของเด็กหนุ่ม ที่เขารู้จักคิดนอกกรอบ และคิดสร้างสรรค์

จนอดไม่ได้ที่จะมาเล่าสู่กันฟัง ลองดูวิธีแก้ไขปัญหาง่าย ๆของเด็กหนุ่มผู้นี้

ผมเชื่อว่าคุณจะอมยิ้มความน่ารักและเจ้าเล่ห์ของเขาครับ เรื่องมีอยู่ว่า

 

มีเด็กหนุ่มน้อย  เรียนชั้น ป.3 ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งวันนี้คุณครูได้ให้การบ้านเด็กนักเรียนทุกคน

ให้กับไปแต่งเรียงความ โดยคุณครูกำหนดตัวละครไว้ 3 ตัวพร้อมกับตั้งชื่อให้เสร็จสรรพ

เด็กนักเรียนทุกคนก็ไม่มีปัญหา หรือข้อสงสัยอะไร แต่มีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งได้ยกมือค้านโดยบอกว่า

ไม่ชอบชื่อตัวละครที่คุณครูตั้งไว้ อยากจะขอเปลี่ยน แต่คุณครูแกล้งทำเป็นไม่ยอมรับข้อเสนอของเด็กน้อยผู้นั้น

และยังยืนยันให้ใช้ชื่อเดิมในการเขียนเรียงความ เพราะอยากรู้ว่าเด็กน้อยจะมีวิธีแก้ไขปัญหาอย่างไร

เด็กน้อยเมื่อได้ยินคุณครูพูดยืนยันไม่ยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อ ก็ทำหน้าเฉย ๆ แต่ในใจคัดค้านสุด ๆ

วันรุ่งขึ้นเด็กน้อยก็นำการบ้านมาส่งคุณครูตามปกติ เหมือนกับเพื่อนนักเรียนคนอื่น ๆ

แต่สิ่งที่แปลกไป คือ ใบหน้าของเด็กน้อยคนนี้ช่างแตกต่างจากเมื่อวานที่เขาไม่เห็นด้วยกับชื่อที่คุณครูให้ไปแต่งเรียงความ

วันนี้ใบหน้าเขาร่าเริงแจ่มใส ผิดปกติ รู้ไหมว่า เรื่องที่เขาแต่งขึ้นมา เป็นเรื่องที่เขาทำตามกติกาคุณครูทุกอย่าง

คือไม่มีการเปลี่ยนแปลงชื่อ แต่เมื่อเริ่มเดินเรื่องขึ้นมา เขานำตัวละครทั้งสามตัวที่คุณครูให้ไว้

ไปจัดการพาไปเปลี่ยนชื่อที่อำเภอ เพื่อนำชื่อใหม่ที่เขาต้องการมาเดินเรื่องต่อ 

ซึ่งเป็นชื่อที่เด็กน้อยคนนี้เสนอไว้ในห้องเรียน เมื่อภารกิจเปลี่ยนชื่อเสร็จสมบูรณ์

เขาก็นำชื่อใหม่มาใช้ดำเนินเรื่องต่อไปจนจบครบวัตถุประสงค์ เมื่อคุณครูอ่านจบ ก็อดอมยิ้มที่ริมฝีปากเล็ก ๆ

และไม่ได้ว่าอะไร แถมยังมาเล่าต่อด้วยความน่ารักเอ็นดู เด็กน้อยคนนี้ที่มีความคิดนอกกรอบ เชิงสร้างสรรค์

ที่ทำตามเจตนารมณ์ของตนเองที่ฉลาดมาก ๆ สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตนเองต้องการโดยไม่ขัดแย้งความวัตถุประสงค์เดิมที่คุณครูให้ไว้

 

มีวิธีแก้ไขปัญหาในเชิงสร้างสรรค์ แล้วเวลาเราเจอปัญหากับชีวิตล่ะครับ เราเคยนอกกรอบบ้างไหม ?

 

ลองเปลี่ยนปัญหาให้เป็นโอกาสในการเปิดโลกใหม่ ๆ  ด้วยวิธีการใหม่ ๆ ที่เราจะต้องสร้างสรรค์มันขึ้นมา

อาจจะคิดมุมเดิมแต่ยอมบิดให้เกิดแนวทางใหม่ ๆ ใช้สติ สมาธิในการนำทาง ตั้งมั่นให้จิตใจแน่วแน่

อยู่ในห้วงอารมณ์อย่างต่อเนื่อง ไม่เองเอียงไปมา การฝึกสมาธิก็เพื่อใช้หยุด ความทุกข์ และหันมาสร้างความสุข

สร้างพลังแห่งความคิด ซึ่งก่อนจะสร้างความสุขได้ เราต้องทำสิ่งแรกก่อนนั่นคือ

 

1.หยุดความทุกข์

ทุกข์ที่เกิดจากการปรุงแต่งของจิตใจเรา เช่น เห็นมีหนุ่มมาส่งแฟนเราที่บ้าน เราก็ปรุงแต่งความทุกข์

โดยคิดว่าเขาเป็นกิ๊กกัน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถามจากปากแฟนสาวเลย นั่นเป็นเพราะเราปรุงแต่งสาเหตุของความทุกข์เอง

วิธีแก้ไขก็ไม่ยาก

เมื่อเราเป็นคนคิดปรุงแต่งความทุกข์ขึ้นมาเอง เราก็ต้องสั่งสมองให้หยุดคิด เหมือนจะพูดง่ายแต่ทำยากมาก ๆ

เพราะไม่สามารถควบคุมมันได้ เพียง 10 วินาที จิตจะหลุดแตกซ่านออกมา หลังจากนั้นก็กลับมาปรุงแต่งความทุกข์เหมือนเดิม

วิธีการง่าย ๆ ที่ควรเริ่มฝึกอาจต้องเริ่มจาก ปล่อยวาง หลับตานั่งสมาธิ อยู่ในบรรยากาศที่เงียบสงบไร้ซึ่งสิ่งรบกวนจิตใจ

ปิดอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสารไว้อย่าเปิดเพื่อมาทำลายความสงบร่มเย็นในจิตใจ ค่อย ๆ ฝึกวันละนิด ๆ

หรือลองค้นหาอารมณ์เชิงลบที่เป็นบ่อย ๆ เขียนมันออกมา อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดอารมณ์นี้

เราสามารถปรับเปลี่ยนอารมณ์เชิงลบได้เร็วแค่ไหน และทำอย่างไรเราถึงจะเปลี่ยนแปลงอารมณ์เชิงลบให้หายไป

เขียนออกมาและคุณจะรู้ว่า อ๋อ ๆ เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้เราจะแก้ไขด้วยวิธีไหนบ้าง

เพื่อให้ความทุกข์ที่มีเจือจางหายไป จากนั้นเมื่อเราหยุดความทุกข์ได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็ คือ

 

2.สร้างความสุข

ชีวิตคนเมืองหลวงเป็นชีวิตที่เร่งรีบ ไปเสียทุกอย่าง ขนาดอาหารเดี๋ยวนี้ยังมีอาหารที่ผลิตเป็นแท่งพร้อมกินได้ทันที

ดูสิครับ เพราะชีวิตมันรีบจนไม่มีเวลานั่งกินข้าว จนต้องพกอาหารแท่งกินลองท้องคลายความหิว

ชีวิตช่างแตกต่างจากชนบท ที่ชนบทชีวิตมีแต่ความสดชื่น อากาศที่บริสุทธิ์ ชีวิตที่ไม่ต้องเจอรถติด

ปัญหามลพิษทางอากาศก็น้อยกว่า การที่เราไปหยุดในสถานที่ที่ร่มเย็น เงียบสงบ สัมผัสกับธรรมชาติ

คงทำให้ชีวิตมีความสุขไม่มากก็น้อย และยิ่งเรามีความสุขมากเท่าไหร่ เวลาแห่งความสุขก็เดินเร็วมากเท่านั้น 

วิธีง่าย ๆ ที่เราสามารถสร้างความสุขจากบ้านของเราได้ ก็คือ  ทำสมาธิ ลองนั่งหลับตาสักพัก

สร้างความสุขให้อยู่ที่ตัวเรา แป๊บเดียว คุณจะซึมซับความสุขที่มิอาจลืมได้เลย

 

3.สร้างพลังแห่งความคิด

ผมเชื่อว่าคนเรามีความคิด เพียงแต่คิดเป็นหรือเปล่า ?

ซึ่งตัวเราเท่านั้นที่จะต้องตอบตัวเองให้ได้ครับ สมมุติว่าตัวเรามีพลังความคิดเท่ากับ 100 แรงม้า

สมองเรามีพลังความคิด แรงเท่ากับม้า 100 ตัว เราลองนึกถึงหลักความเป็นจริงที่ว่า

ในสภาวะที่เราใช้ชีวิตปกติเนี่ย เราคิด นาทีละกี่เรื่อง ? อาจเป็นร้อย ๆ เรื่องใน 1 นาที

บางครั้งเราคิดเป็น 10 เรื่องในเวลาเดียวกัน สมองเรามี 100 แรงม้า คิด 10 เรื่อง แบ่งเป็นเรื่องละ 10 แรงม้า

ความคิดเราจึงไม่มีพลัง คิดอะไรไม่ค่อยออก หรือขาดสมาธิเมื่อเจอสิ่งรบกวนจิตใจ

วิธีแก้ง่าย ๆ เมื่อเราขาดสมาธิ นั่นคือ ทำตัวให้มีสมาธิ นั่งเงียบ ๆ คนเดียว อยู่ในที่ไม่มีคนรบกวน

ทำจิตใจให้คิดอยู่เรื่องเดียว โฟกัสให้ได้ เมื่อเราคิดเรื่องเดียว พลังสมอง 100 แรงม้า ก็บุกมาที่เรื่อง ๆ เดียว

ทั้ง 100 แรงม้า ทำให้เราคิดได้ คิดออก คิดนอกกรอบ คิดสร้างสรรค์ งานสำเร็จ คนก็มีความสุข

 

นี่ล่ะคือ พลังของสมาธิ ครับ

 

เพราะฉะนั้น เมื่อใดที่เกิดปัญหาและไม่ว่าเราจะเจอปัญหาเล็กหรือใหญ่ มากแค่ไหน อย่าปล่อยให้ชีวิต

เดินตามปัญหา แต่เราต้องเดินสวนทางกับปัญหาให้ได้ ถ้าเปรียบชีวิตเป็นแบ็ตเตอรี่ที่ใกล้หมด

ก็เพียงเสียบปลั๊กไฟชาร์ตแบ๊ตเตอรี่ให้เต็ม เพื่อให้เราพร้อมใช้งาน และลุยกันต่อไป และไม่ว่าจะเจอ

ปัญหาหนักแค่ไหน พลังงานที่ถูกชาร์ตไว้ก็จะเดินหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน

 

เชื่อผมเถอะ ++ คุณทำได้ครับ

 

ท่านสามารถติดตาม Dr.fish ได้ทาง Line แล้วตั้งแต่วันนี้ โดยทำตามขั้นตอน คือ

1.ค้นหา ID : Dr.fish กรุณากดลิงก์ด้านล่าง หรือค้นหา ID "@dr.fish" ที่ LINE หรือ LINE@ 

(กรุณาใส่ "@" ด้วย) แล้วเพิ่มเป็นเพื่อนของคุณ

 2. คลิก Link http://line.me/ti/p/%40dr.fish

 

ประโยชน์ที่จะได้รับในการเป็นเพื่อนกับ dr.fish คือ

1.ได้รับข้อมูลการพัฒนาตนเองที่เป็นประโยชน์ วิธีคิดในเชิงบวก ทุกเช้า 7.30 น.ทุกวัน

2. สามารถปรึกษาการทำงาน วิธีคิดได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเกรงใจครับ ยินดีมาก ๆ ครับ

 

คิดบวก คิดถึง Dr.fish

เขียนโดย อ.มงคล กรัตะนุตถะ

วิทยากร นักคิด นักเขียน 

 

แบบฟอร์มติดต่อกลับ

Visitors: 813,939