15 อุปนิสัยที่ดีของสุดยอดหัวหน้างานที่ควรนำไปใช้ในการทำงาน
การเป็นหัวหน้างานที่ดีได้นั้น ต้องมีทั้งพระเดช และพระคุณ โดยเฉพาะ คุณธรรมประจำใจ
ที่หัวหน้างานที่ดีต้องยึดถือเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกน้องในการปฏิบัติตาม
เพราะหากหัวหน้า พูดอย่าง แต่ทำอย่าง ลูกน้องย่อมขาดความเชื่อถือ
และจะเกิดปัญหาในการทำงานต่อไปในอนาคตไม่มากก็น้อย
บทความนี้ ขอสะท้อนสิ่งที่เรียกว่า อุปนิสัย ที่ดี ที่หัวหน้างานควรนำไปใช้
เพื่อบริหารงาน และบริหารคนให้ได้ผลงานที่ดี นั่นคือ
1.หัวหน้างานที่ดีต้องมีความคิดที่ดีทั้งเรื่องงาน เรื่องคน ทั้ง ต่อหน้าและลับหลัง
เริ่มต้นจาก "หัว" นั่นคือต้องมีความคิดที่ดีต่อคนรอบข้างและรู้จักคิดก่อนพูด ก่อนทำ
หากเรามีหัวที่คิดดี พูดดี ทำดี พฤติกรรมเราย่อมสะท้อนด้านดี เช่น การพูดชม หรือ ตำหนิ
ก็ต้องคิดเพื่อใช้คำพูดให้เหมาะสมกับคนนั้น ๆ การพูดชม ก็ควรพูดต่อหน้าลูกน้องคนอื่น ๆ
เพื่อให้เขาเห็นว่า หากเราทำดี หัวหน้าพร้อมชมเชยเสมอ
แต่หากเป็นการตำหนิ ก็ควรเรียกมาคุยเป็นการส่วนตัว มากกว่าตำหนิต่อหน้าคนอื่น ๆ ให้เขาเสียหน้า เป็นต้น
2.หัวหน้างานที่ดีต้องคิดเสมือนเราเป็นเจ้าขององค์กร รู้จักทำงานเชิงรุกและมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำงาน
การที่องค์กรแต่งตั้งเราขึ้นมานำคนอื่น ๆ นั้น เขาย่อมเห็นคุณค่าในตัวเรา และคาดหวังให้เราช่วยคิด วางแผน
ในการขับเคลื่อนคน เพื่อให้เกิดผลของงานบรรลุตามเป้าหมายขององค์กร ดังนั้น คนที่เป็นหัวหน้างาน
จำต้องเข้าใจในบทบาท เข้าใจในสิ่งที่องค์กรกำลังก้าวเดิน เข้าใจวิสัยทัศน์ พันธะกิจ ขององค์กร
และสามารถนำมาเป็นแผนงานที่สามารถเดินหน้าตามแผนได้ในทุก ๆ วัน
3.หน้างานที่ดีต้องรู้จักยิ้มแย้มแจ่มใสต่อหน้าลูกน้องและคนอื่น ๆ ที่ร่วมงาน
คนบางคนอาจเป็นเสือยิ้มยากโดยพฤติกรรม แต่พฤติกรรมก็ย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
หากเราเข้าใจในบทบาทของการเป็นผู้นำ เพราะการเป็นผู้นำ ต้องเป็นคนที่สามารถเข้าถึงได้ในทุก ๆ คน
ทุก ๆ ระดับ ไม่มีอีโก้ ดังนั้นสิ่งที่จะลดอีโก้ตนเองได้นั้น ต้องรู้จักเป็นคนที่สดชื่น ยิ้มแย้มแจ่มใส
อาจไม่ต้องถึงกับเป็นคนที่ตลก แต่ต้องทำให้ลูกน้องสบายใจที่จะเข้ามาพูดคุย ปรึกษาทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
เพราะเมื่อไหร่ ที่ลูกน้องกล้าที่จะเดินเข้ามาหา ผมเชื่อว่า ปัญหาย่อมคลี่คลาย ไม่ทำให้ปัญหามีผลกระทบต่อ
คน ๆ นั้น ในระยะยาว ซึ่งหน้าที่ของคนเป็นหัวหน้าก็ต้องพร้อมแก้ไขปัญหาร่วมกัน
ดังคำว่า มีสุข คูณ สอง แต่มีทุกข์ต้อง หาร สอง ครับ
4.หัวหน้างานที่ดีต้องหัดเป็นคนที่เปิดใจรับฟังสิ่งต่าง ๆ รอบตัว
การคิดคนเดียวย่อมได้เพียงมุมเดียว แต่หากเรายอมเปิดใจฟังคนละเล็กละน้อย ข้อมูลในหัวเราย่อมมีมากขึ้น
และนั่นย่อมทำให้เราได้ข้อมูลในการ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ก่อนตัดสินใจ คนที่เป็นหัวหน้างานต้องกล้าเปิดใจ
ฟังสิ่งต่าง ๆ จากคนรอบข้าง เพื่อนำมาปรับใช้ให้งานเดินหน้าต่อไป ถึงแม้บางครั้งฟังแล้วไม่ใช้ในตอนนี้
แต่ใครจะรู้ว่า อนาคตอาจมีโอกาสหยิบมาใช้ก็ย่อมเป็นไปได้ อย่างน้องการฟังก็ทำให้เรามีความรู้ที่มาก
หากความรู้นั้นเป็นประโยชน์ ยกเว้น ความรู้ที่ไม่เป็นประโยชน์ต้องพร้อมดีดทิ้งในทันที
5.หัวหน้างานที่ดีรู้จักคิดก่อนพูด พูดในสิ่งที่ดี สร้างสรรค์
คนทุกคนมีปาก ที่จะพูดอะไรก็ได้ตามใจเรา แต่หากเราเป็นผู้นำแล้วนั้น การใช้ปากตามใจเราย่อมทำไม่ได้ครับ
เพราะหากตอนนั้นเรากำลังโมโหอยู่ แต่นำสิ่งที่ไม่ดีไปลงกับลูกน้อง แบบนี้ลูกน้องที่ไหนก็คงไม่อยากทำงานกับเรา
จริงไหมครับ !! ดังนั้นการใช้ปาก ต้องใช้ในทางที่ดี สร้างสรรค์ ใช้ในการบอกเล่าประสบการณ์ในการแนะนำ สอนงานต่อ
ลูกน้องหากลูกน้องคนนั้นไม่สามารถทำงานนั้นได้ ใช้ในการชื่นชมลูกน้อง ขอบคุณลูกน้อง ให้กำลังใจลูกน้อง
และให้คำแนะนำในการปรับปรุงตนเอง เป็นต้น แบบนี้ดีกว่าเยอะครับ
6.หัวหน้างานที่ดีต้องรักในงานที่ทำ พร้อมต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคที่เข้ามา
คนที่เป็นหัวหน้างานต้องมีใจรักในงานที่ทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะหากเรารักในงานที่ทำ
ใจเราพร้อมยืดหยัดต่อสู้ให้งานนั้นประสบความสำเร็จ ซึ่งเราย่อมต้องถ่ายทอดความคิดนี้สู่ลูกน้องเรา
เพราะหากลูกน้องเรามีใจรักในงานที่ทำทุกคน เขาย่อมเข้าใจและพร้อมต่อสู้ฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกัน
7.หัวหน้างานที่ดีต้องสามารถลงมือทำให้ลูกน้องเห็นเป็นแบบอย่าง ว่าเราสามารถทำได้
หากพูดอย่างเดียว แต่ไม่ทำ ใครเขาจะเชื่อครับ
เหมือนสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า 100 คำพูด ไม่เท่ากับ 1 การกระทำ ผมว่าจริงนะครับ
พูด แล้ว ทำ ย่อมทำให้ลูกน้องเห็นเป็นตัวอย่าง
เช่น หากเราเป็นคนที่มาทำงานสายเป็นนิจแบบนี้จะกล่าวตักเตือนลูกน้องที่มาสาย ก็ย่อมยากครับที่ลูกน้องจะเชื่อเรา
มันเข้าตัว แต่หากเรามาเช้าทุกวัน แบบนี้ลูกน้องก็คงเกรงใจ และไม่กล้ามาสาย หรือหากมาสาย
เราจะเรียกมาคุยเพื่อปรับพฤติกรรมลูกน้องคนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ตะขิดตะขวงใจ เพราะเป็นหน้าที่ของเรา
ซึ่งลูกน้องคนนั้น คงไม่กล้าเถียง เพราะลูกพี่เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องที่ลูกน้องทำผิด
พูด + ทำ ย่อมมีคุณค่าเสมอครับ
8.หัวหน้างานที่ดีต้องรู้จักใช้ภาษากาย ควบคู่กับคำพูด และน้ำเสียง ในการทักทาย
การสื่อสารแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ ภาษาพูด ภาษากาย และน้ำเสียง
ซึ่งหัวหน้างานที่ดี ควรนำทั้ง 3 แบบนั้นไปใช้พร้อม ๆ กัน เช่น
หากมีลูกน้องที่อายุมากกว่า ก็ใช้การทักทาย โดยยกมือไหว้สวัสดี
เมื่อลูกน้องคนนั้นเห็น เขาจะเกรงใจเรา เนื่องจากเราให้เกียรติต่อเขาก่อน เป็นต้น
หรือ หากเรามีลูกน้องที่อายุน้อยกว่า การไหว้ก็ไม่ใช่เรื่องผิด
เพราะประเทศไทยเราขึ้นชื่อว่า ยิ้มสวย และไหว้ สวย
การรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ไม่ใช่เรื่องผิดครับ แต่คนที่เห็น
เขาจะนำไปยกย่อง และชื่นชม นะครับ เรื่องดี ๆ ทำไปเถอะ !!
9.หัวหน้างานที่ดีต้องรู้จักเดินเข้าหาลูกน้อง เดินตรวจสอบการทำงาน เดินหน้าแก้ไขปัญหา และพาทีมไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
การทำงาน หากหัวหน้านั่งอยู่บนหอคอยอันส่งเกียรติอย่างเดียว แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่างานนั้นเกิดปัญหาจากส่วนไหน
อวัยวะในร่างกายส่วนที่อยู่ต่ำที่สุด นั่นคือ ขา แต่ขาก็ทำให้เราสามารถโยกย้ายจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
หากเราใช้ขาในการก้าวเดิน เสมือนทำงานย่อมต้องมีเป้าหมายครับ การย่ำอยู่กับที่ไม่สามารถขับเคลื่อนทีมงานไปสู่
เป้าหมายได้ ซึ่งการจะไปสู่เป้าหมายได้ ก็ต้องกล้าเดิน แต่หากเดินแล้วผิดทาง ย่อมสามารถถอยหลังกลับมาตั้งหลักได้
เสมอ คนเป็นหัวหน้างานต้องรู้จักเดินเข้าหาลูกน้อง รู้จักเดินดูหน้างาน สังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว หากเจอปัญหาก็นำมา
แก้ไข ไม่ปล่อยปัญหานั้นให้บานปลาย อีกทั้งยังทำให้ลูกน้องสามารถสอบถาม หรือขอคำแนะนำจากหัวหน้าได้
ในทันที รู้แล้วก็เดินบ้างนะครับ จะได้แข็งแรง
10.หัวหน้างานที่ดีต้องมีความเชื่อมั่นต่อลูกน้อง และเชื่อมั่นต่อปัญหาว่า ทุกปัญหาย่อมมีทางออก
ความเชื่อ นับเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะหากรับนโยบายจากผู้บริหารมาแล้ว
ไม่มีความเชื่อ การทำงานย่อมทำไปวัน ๆ ทำอย่างไร้เรี่ยวแรง และทำอย่างไม่มีความสุข
เพราะสมองถูกปิดกั้นเรียบร้อย จากความเชื่อที่คิดว่า ทำไม่ได้ และหากหัวหน้าท้อซะแล้ว
ลูกน้องย่อมท้อตาม และสุดท้ายผลงานไม่ได้ ก็ถูกผู้บริหารตำหนิอีก คราวนี้ไปกันใหญ่เลยครับ
ดังนั้น ความเชื่อนับว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่เชื่อมทุกอย่าง แค่เราเปลี่ยนจากคำว่า ทำไม่ได้ เป็น
เชื่อว่า เป็นไปได้ และพร้อมคิดค้นหาวิธีการเชื่อมโยงเพื่อให้งานบรรลุเป้าหมาย
หากว่าผิดพลาด ผมเชื่อว่าเราจะไม่เสียใจ เพราะทำเต็มที่ และพร้อมปรับเปลี่ยนแก้ไข
ผู้บริหารย่อมเข้าใจเสมอ แต่อย่าผิดพลาดในเรื่องเดิม ๆ นะครับ แบบนั้นตัวใครตัวมันครับ
11.หัวหน้างานที่ดีต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริตต่องานที่ทำ
ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน เป็นคำกล่าวที่ผมเห็นด้วยมาก ๆ
เพราะคนเราหากไม่ซื่อสัตย์แล้ว อยู่ที่ไหนก็ไม่เจริญ กลับกัน หากเราเป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริต
อยู่ที่ไหน ใคร ๆ ก็อยากร่วมงาน ดังนั้น หัวหน้างานที่ดี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตในทุก ๆ ด้าน
ทั้งเรื่องตนเอง เรื่องงาน เรื่องครอบครัว และเรื่องสังคม เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดี
ให้ลูกน้องต่อไป
12.หัวหน้างานที่ดีต้องเป็นคนตรงต่อเวลา มาเช้า กลับทีหลัง
เรื่องเวลาในการทำงาน นับว่าเป็นเรื่องวินัยของตนเองที่ต้องพึงกระทำ
เพราะทุกองค์กรย่อมมีเวลาเข้า เวลาออก ที่ชัดเจน โดยเฉพาะเวลาเข้า
ก็ควรมาล่วงหน้าอย่างน้อยสัก 30 นาทีก่อนเริ่มงาน เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ
วางแผนในการทำงาน เพื่อนำข้อมูลมาประชุมลูกน้องก่อนเริ่มงาน จะได้เข้าใจตรงกัน
ใครมีข้อสงสัย มีปัญหา ก็ควรกันให้เรียบร้อยก่อนเริ่มงาน หากหัวหน้าทำแบบนี้ได้ทุก ๆ วัน
รับรองปัญหาจะน้อยลง และทำให้หัวหน้ามีเวลาไปคิดเรื่องงานให้มากขึ้น ดีกว่ามานั่งปวดหัว
กับปัญหาคนในทุก ๆ วันครับ ส่วนการกลับทีหลัง อันนี้ก็สำคัญ เพราะเรามีความรับผิดชอบที่สูงกว่าลูกน้อง
ก่อนกลับก็ตรวจสอบความเรียบร้อยของงาน จดบันทึกข้อมูล ความผิดพลาด ความสำเร็จของงานในแต่ละวัน
เพื่อนำมาประกอบในการพูดคุยกับลูกน้องในเช้าวันถัดไป ครับ
13.หัวหน้างานที่ดีต้องรู้จักคิดในเชิงป้องกันก่อนลงมือทำ
เหรียญย่อมมี 2 ด้านให้คิด การคิดก็มี 2 ด้าน ทั้งการคิดบวก และคิดลบ
ซึ่งการคิดบวกเป็นสิ่งที่ดี ทำให้เราหมดทุกข์ แต่หากไม่อยากทุกข์
ก็ต้องคิดลบ แต่ เป็นการคิดลบในเชิงของการป้องกัน วางแผน ก่อนลงมือทำ
หัวหน้างานที่ดี นอกจากการเปิดใจรับฟังแล้ว ก็ต้องนำมาข้อมูล
มาคิด มาวางแผน ซึ่งการวางแผนก็ต้องมีการประชุมเพื่อหาข้อมูล
ก่อนตัดสินใจ เพราะหากเราไม่อยากเสียเวลาแก้ไข
ก็ต้องวางแผนให้รอบคอบ รอบด้าน แต่การวางแผนเยอะเกินไปก็ทำให้เราไม่กล้าลงมือทำ
ผมยังเชื่อเสมอ คิด วางแผน สำคัญ แต่ไม่เท่า ลงมือทำ สำคัญกว่า
แต่หาก ไม่คิด ไม่วางแผน แล้วทำอย่างเดียว แบบนี้ เสียเวลาแก้ไขนานโข ครับ
คิด + วางแผน + ลงมือทำ + กล้ายอมรับผลกับสิ่งที่ทำ = ประสบการณ์
และเมื่อมีประสบการณ์แล้ว เราจะเห็นทางสว่างในอนาคตครับ
14.หัวหน้างานที่ดีต้องเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ยกตนข่มท่าน
คนที่อ่อนน้อมถ่อมตน ใคร ๆ ก็รัก ใคร ๆ ก็เอ็นดู คนที่เป็นหัวหน้างาน เมื่อมีลูกน้องแล้ว
ก็ต้องเป็นคนที่เข้าถึงง่าย ไม่โอ้อวดว่าเราใหญ่ เราเป็นหัวหน้างาน อีกทั้งการประพฤติตนเอง
ต่อผู้บังคับบัญชาของเรา ก็ต้องให้เกียรติท่าน เสมือนเราเล่นบทบาทของผู้ตาม
เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ สร้างคุณค่า แต่ไม่ใช่ประจบสอพอนะครับ
ใช้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ + พฤติกรรมที่ดี
เหนือฟ้า ยังมีฟ้านะครับ การอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นสิ่งที่ควรทำต่อคนรอบข้าง
ทำให้เหมือนกัน ในทุก ๆ วัน แบบนี้ ย่อมได้ใจทั้งต่อผู้บังคับบัญชาเรา และ ผู้ใต้บังคับบัญชา
และหากวันหนึ่งผู้บังคับบัญชาเรา ชื่นชมมา เราต้องให้เกียรตินั้นต่อ ลูกน้องของเรา มากกว่าตัวเรา
เพราะงานจะเกิดขึ้นได้ ต้องมีคนปฏิบัติ ให้เครดิตต่อลูกน้อง ลูกน้องจะมีกำลังใจทำงานต่อไป
กลับกัน หากผู้บังคับบัญชา ตำหนิในผลงานลงมา หัวหน้างานที่ดี ต้องพร้อมรับแทนลูกน้อง
และนำข้อผิดพลาดนั้นมาประชุมกับลูกน้องเพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไปในอนาคต
สรุป
ทำดี = ให้เครดิตลูกน้อง
ทำผิดพลาด = รับหน้าแทนลูกน้องเสมอครับ
15.หัวหน้างานที่ดีต้องมีคุณธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เพื่อใช้ในการปกครองคน
คุณธรรม คือ สิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเรา หากเรามีคุณธรรมในใจเยอะ ทำสิ่งใดเราจะคิดก่อนทำ
ข้อสุดท้ายนี้ ผมฝากหัวหน้างานทุกคนให้มีคุณธรรม คือ ธรรมมะ ในการครองตนเอง เช่น
การถือศีล5
การยึดหลักพรหมวิหาร 4 (เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา)
คิดดี พูดดี ทำดี
มีความรู้ผิดชอบชั่วดี
มีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ
ฯลฯ
ทุกเรื่องที่กล่าวมา ล้วนเป็นสิ่งที่คนเป็นหัว ต้องนำไปใช้ในการบริหารงาน บริหารคน
เพราะ หากคนที่เป็นหัวหน้างานสามารถปฏิบัติได้ครบทุกข้อ คนที่เห็นย่อมเชื่อมั่น เชื่อถือ
และปฏิบัติตาม โดยเฉพาะคนที่เป็นลูกน้อง เพราะหากเขามีหัวหน้างานที่ดี
ลูกน้องย่อมโชคดีในการทำงาน เพราะเขาสามารถเก็บเกี่ยวความรู้ ประสบการณ์ และคุณธรรม
ในการนำไปใช้ เพื่อวันข้างหน้า หากเขาได้ขึ้นเป็นหัวหน้า ย่อมสามารถการันตีว่า
เขาย่อมเป็นหัวหน้างานที่ดีได้เช่นกัน จากแบบอย่างที่เคยเจอมา
ผมเชื่อเสมอครับ หากเราจะเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้นั้น เราต้องเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราก่อน
ใช้ทั้งคำพูด + การกระทำ ในการทำให้คนรอบข้างเห็น และนำไปใช้
วันนี้ถามตนเองนะครับ เราเป็นสุดยอดหัวหน้างานที่ เก่งคิด เก่งงาน เก่งคน เก่งคุณธรรม หรือยัง
เชื่อผมเถอะ !!
ท่านสามารถติดตาม Dr.fish ได้ทาง Line แล้วตั้งแต่วันนี้ โดยทำตามขั้นตอน คือ
1.ค้นหา ID : Dr.fish กรุณากดลิงก์ด้านล่าง หรือค้นหา ID "@dr.fish" ที่ LINE หรือ LINE@
(กรุณาใส่ "@" ด้วย) แล้วเพิ่มเป็นเพื่อนของคุณ
2. คลิก Link http://line.me/ti/p/%40dr.fish
ประโยชน์ที่จะได้รับในการเป็นเพื่อนกับ dr.fish คือ
1.ได้รับข้อมูลการพัฒนาตนเองที่เป็นประโยชน์ วิธีคิดในเชิงบวก ทุกเช้า 7.30 น.ทุกวัน
2. สามารถปรึกษาการทำงาน วิธีคิดได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเกรงใจครับ ยินดีมาก ๆ ครับ
คิดบวก คิดถึง Dr.fish
เขียนโดย อ.มงคล กรัตะนุตถะ
วิทยากร นักคิด นักเขียน