เคล็ดลับการทำงานกับคนหลาย Generation เพื่อพัฒนาสู่องค์กรแห่งความสุข
การทำงานในองค์กร ย่อมมีคนหลากหลายมุมมอง และความคิดที่แตกต่างกัน
มองในแง่ดี องค์กรนั้นย่อมมีโอกาสเติบโต หากคนในองค์กรนำความคิดที่แตกต่างมาสร้างสิ่งใหม่ ๆ ร่วมกัน
กลับกัน หากนำความคิดที่แตกต่างนำไปใช้ในการทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน
ยึดมั่นถือมั่นจากความคิดของตนเององค์กรนั้นย่อมยากที่จะแข่งขันกับธุรกิจอื่น ๆ
และคงย่ำอยู่กับที่รอให้องค์กรคู่แข่งแซงหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ในฐานะของอดีตนักบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างผม
และปัจจุบันเป็นวิทยากรสอนเรื่องแนวคิด ทัศนคติเชิงบวกผมเองมองว่า
การที่ทุกองค์กรมีความแตกต่างกันในแง่บุคลากร ย่อมเป็นเรื่องที่ดี
โดยเฉพาะความคิดที่แตกต่างของคนในแต่ละ Generation ที่มีความคิด ประสบการณ์ มุมมองที่แตกต่างกัน
หากเรานำมาหล่อหลอมรวมกัน และทำให้คนเกิดความเข้าใจ เคารพในบทบาทซึ่งกันและกัน
รวมถึงมีการสื่อสารเพื่อให้เข้าใจว่า ความคิดที่แตกต่างนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องอยู่ในกรอบของการทำงาน
เพื่อเป้าหมายขององค์กรให้เติบโต สามารถแข่งขันกับธุรกิจภายนอกได้ ความคิดนั้นย่อมดีแน่นอนครับ
ทั้งนี้เราลองมาศึกษาคนใน Generation ต่าง ๆ ที่มีในองค์กรว่า เขามีพฤติกรรมเป็นอย่างไร
ตามหลักสากล จะมีการแบ่งกลุ่มคนทำงานออกเป็น 3 กลุ่ม (Generation)
คือ Baby Boomer Generation X และ Generation Y ซึ่งแต่ละกลุ่มมีคุณลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน
Baby Boomer
กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489-2507
พฤติกรรม
- จะเป็นคนที่มีชีวิตเพื่อการทำงาน เคารพกฎเกณฑ์ กติกา อดทน
- ให้ความสำคัญกับผลงานแม้ว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบความสำเร็จ
- มีแนวคิดที่จะทำงานหนักเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว มีความทุ่มเทกับการทำงานและองค์กรมาก
คนกลุ่มนี้จะไม่เปลี่ยนงานบ่อยเนื่องจากมีความ จงรักภักดีกับองค์กรอย่างมาก
Generation X
กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2508-2519
พฤติกรรม
- ชอบอะไรง่ายๆ ไม่ต้องเป็นทางการ
- ให้ความ สำคัญกับเรื่องความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว (Work-life Balance)
- มีแนวคิดและการทำงานในลักษณะรู้ทุกอย่างทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร
- มีความคิดเปิดกว้าง พร้อมรับฟังข้อติติง เพื่อการปรับปรุงและ พัฒนาตนเอง
Generation Y
กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2520-2537
พฤติกรรม
- มีลักษณะนิสัยชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบอยู่ในกรอบ และไม่ชอบเงื่อนไข
- ต้องการความชัดเจนในการทำงานว่า สิ่งที่ทำมีผลต่อตนเองและต่อหน่วยงานอย่างไร
- มีความสามารถในการทำงานที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร และยังสามารถทำงานหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน
จะเห็นว่า แต่ละ Generation มีพฤติกรรม ความเชื่อ มุมมอง ประสบการณ์ ที่แตกต่างกัน
หากความแตกต่างนั้น ทุกคนคิดว่า ฉันเก่ง ฉันแน่ ต้องฟังฉันอย่างเดียว
การทำงานในองค์กรย่อมวุ่นวายและทำให้การเติบโตขององค์กรที่ผู้บริหารวางวิสัยทัศน์ไปข้างหน้า
ย่อมสะดุดเพราะคนในองค์กรยังเดินเป็นเต่าจากความคิดที่ขัดแย้งกัน
หากเราลองปรับทัศนคติของทั้ง 3 Generation ให้ปรับตัวและหันหน้าเข้าหากัน มากกว่าต่างคนต่างเดิน
ควรมีสิ่งใดบ้าง ดังต่อไปนี้
- เคารพในความแตกต่าง
- ชื่นชมในจุดเด่นของกันและกัน
- สื่อสารกันให้มากขึ้น
เคารพในความแตกต่าง
การทำงานในองค์กรไม่ว่าจะทำงานกับ Gen ไหน สิ่งที่เราควรคำนึงเสมอ ไม่ว่าเป็นจะเป็นเด็ก หรือ ผู้ใหญ่
นั่นคือ การเคารพและการให้เกียรติซึ่งกันและกันในการทำงาน เคารพในบทบาทหน้าที่ของกันและกัน
เพื่อลดความขัดแย้งของช่องว่างระหว่างวัย เพราะทุกคนมีความแตกต่างที่บางครั้งยากจะเข้าใจ
แต่หากเรามองข้ามคนอื่น และใช้ตนเองเป็นศูนย์กลางในการทำงาน ปัญหาย่อมเกิดขึ้นได้ในทุก ๆ วัน
ลองหันหน้ามาคุยกัน ก้าวเท้าเดินเข้าหากัน มององค์กรเป็นหลักมากกว่าตนเอง การทำงานย่อมลดปัญหา
และทำให้การทำงานราบรื่น เพราะเราจะมองในจุดที่เป็นข้อที่ 2 นั่นคือ
ชื่นชมในจุดเด่นของกันและกัน
ไม่ว่าเราจะอยู่ในช่วงอายุไหน ทุกคนย่อมมีจุดเด่น จุดด้อยของตนเอง แต่การมองแต่จุดด้อยของกันและกัน
ตลอดเวลาจะเป็นการตอกย้ำให้องค์กรไม่มีความสุข กลับกันหากเราเปลี่ยนมุมมองโดยเน้นมองจุดเด่นของกัน
และพร้อมต่อยอดเติมเต็มซึ่งกันและกัน งานย่อมเดินหน้าได้อย่างรวดเร็วแน่นอนครับ
สื่อสารกันให้มากขึ้น
การทำงานในแต่ละวัน ย่อมหนีไม่พ้นการพูดคุยสื่อสารกัน ไม่ว่าจะสื่อสารผ่านทางวาจา หรือ ลายลักษณ์อักษร
ซึ่งในยุคปัจจุบันหลายคนมักนิยมการสื่อสารผ่านระบบเทคโนโลยี เพื่อความคล่องตัว และประหยัดเวลาค่าใช้จ่าย
แต่ก็ต้องระมัดระวัง เพราะหากบางคนไม่ใช้เทคโนโลยี ก็อาจทำให้การทำงานเกิดการสะดุดได้
ดังนั้นการสื่อสาร นอกเหนือจากการส่งผ่านระบบเทคโนโลยีแล้ว การพูดคุยกันต่อหน้าก็ยังนับว่ามีความสำคัญ
เพื่อลดความผิดพลาดในอนาคต นะครับ
ดังนั้น เราลองมากำหนดวิธีการปรับตัวเข้าหากันของทั้ง 3 Generation
เพื่อสร้างความเข้าใจในการทำงานร่วมกัน และหันหน้าสร้างความเข้าใจกัน ดังนี้
หากทำงานร่วมกับ Baby Boomer
- สร้างความเคารพ และรับฟังประสบการณ์จากการทำงานมาอย่างยาวนาน
- ใช้ความอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าหา เพื่อขอคำแนะนำ ในการทำงาน
- เพิ่มความละเอียดรอบคอบก่อนส่งงาน
- ตรงต่อเวลา ทุ่มเทในการทำงาน
- การส่งงานอาจส่งเป็น Paper เนื่องจากไม่ถนัดเทคโนโลยี
หากทำงานร่วมกับ Generation X
- การสื่อสารต้องชัดเจน กระชับ มีแผนงานและทางเลือกที่ชัดเจนก่อนนำเสนอ
- สามารถสื่อสารผ่านเทคโนโลยี เช่น อีเมล์ , ข้อความ ได้ เพราะคนเหล่านี้เปิดใจเรียนรู้การใช้เทคโนโลยี
- สามารถพูดคุยแบบไม่เป็นทางการได้เสมอ เช่น คุยผ่านการกินข้าว ไม่เน้นรูปแบบทางการ
- ชอบชีวิตที่สมดุล ไม่ชอบทำงานหนักมากเกินไป แต่รู้จักแบ่งเวลา งาน และชีวิตไปพร้อม ๆ กัน
- สามารถให้คำปรึกษาเรื่องงานได้ เพราะมีประสบการณ์มากและเชี่ยวชาญในการทำงาน
หากเราทำงานร่วมกับ Generation Y
- รู้จักมอบหมายงานที่ท้าทายตลอดเวลา
- เปิดใจพร้อมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างอยู่เสมอ
- ชื่นชมหากเขาทำได้ดี
- ชอบสื่อสารผ่านทางเทคโนโลยี มากกว่าการสื่อสารทางวาจา
- ชอบความรวดเร็วในการทำงาน คิดเร็ว ทำเร็ว
- รู้จักให้โอกาสหากคนเหล่านี้ทำงานผิดพลาด เพราะประสบการณ์ยังน้อย
การทำงานในองค์กร หากเราเปิดใจ เข้าใจ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รู้จักปรับตัวเข้าหากันและกัน
เดินทางสายกลาง การทำงานย่อมเป็นไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ ไอเดียดี ๆ จะไหลออกมาดั่งสายน้ำ
หากเราเป็น Baby Boomer และ Generation X
แค่เราเปิดใจรับฟังความคิดใหม่ ๆ ที่สดอยู่เสมอจาก Generation Y
ผสมผสานกับประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวจากการทำงานมานาน ย่อมก่อให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ
ดีกว่ายึดติดกับสิ่งเดิม ๆ ที่เป็นอดีตไปแล้ว
เช่นกัน Generation Y ก็ต้องรู้จักมีสัมมาคารวะ ต่อ Baby Boomer และ Generation X ในฐานะผู้บังคับบัญชา
และผู้ใหญ่ในการทำงานที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างยาวนาน
รับฟัง เปิดใจในคำสอนเพื่อนำไปพัฒนางานตนเอง และลดความผิดพลาดที่มี
เท่านี้องค์กรย่อมพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะมีบุคลากรที่ รัก เคารพ ให้เกียรติกันและกัน
ถึงแม้ความคิดจะแตกต่าง แต่มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ "สร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน"
เชื่อผมเถอะ ++
ท่านสามารถติดตาม Dr.fish ได้ทาง Line แล้วตั้งแต่วันนี้ โดยทำตามขั้นตอน คือ
1.ค้นหา ID : Dr.fish กรุณากดลิงก์ด้านล่าง หรือค้นหา ID "@dr.fish" ที่ LINE หรือ LINE@
(กรุณาใส่ "@" ด้วย) แล้วเพิ่มเป็นเพื่อนของคุณ
2. คลิก Link http://line.me/ti/p/%40dr.fish
ประโยชน์ที่จะได้รับในการเป็นเพื่อนกับ dr.fish คือ
1.ได้รับข้อมูลการพัฒนาตนเองที่เป็นประโยชน์ วิธีคิดในเชิงบวก ทุกเช้า 7.30 น.ทุกวัน
2. สามารถปรึกษาการทำงาน วิธีคิดได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเกรงใจครับ ยินดีมาก ๆ ครับ
คิดบวก คิดถึง Dr.fish
เขียนโดย อ.มงคล กรัตะนุตถะ
วิทยากร นักคิด นักเขียน